Site icon Blue O'Clock

5 คำสอนจาก Rich Dad ที่ต้องรู้หากต้องการร่ำรวย by Robert Kiyosaki

Robert Kiyosaki - Rich Dad Poor Dad

พ่อรวยสอนว่า ความคิดระหว่าง คนรวย คนทั่วไปและคนจนนั้น แตกต่างกันโดยสิ้นเชิง และถ้าหากเราต้องการที่จะรวยก็จำเป็นที่จะต้องคิดแบบคนรวย และนี่คือ 5 คำสอนจาก Rich Dad ที่ต้องรู้หากต้องการเป็นคนรวย โดย โรเบิร์ต คิโยซากิ

คำสอนที่ 1 – Don’t live below your means จงอย่าใช้มากกว่าที่หามาได้

ใคร ๆ ต่างก็อยากมีไลฟ์สไตล์ที่ดีที่สุดที่คน ๆ หนึ่งสามารถมีได้ ไม่ว่าจะเป็นการมีบ้านมีรถเป็นของตัวเอง โดยเฉพาะคุณผู้ชายส่วนใหญ่ ก็มักจะมีความฝันที่อยากจะได้รถ supercar มาไว้ในครอบครอง แต่สิ่งที่คนส่วนใหญ่ชอบทำแบบผิด ๆ ก็คือ เมื่อหาเงินมาได้เท่าไหร่ ก็เอาไปผ่อนรถ ผ่อนบ้านซะหมด ซึ่งวิธีการที่ถูกต้องจริง ๆ นั้น คุณจะต้องเริ่มจากเอาเงินที่หามาได้ ไปลงทุนใน Asset หรือทรัพย์สินเสียก่อน แล้วนำเงินที่งอกเงยจากทรัพย์สินนั้น ๆ มาซื้อรถ ซื้อบ้านอีกทีหนึ่ง

ทีนี้ คุณก็สามารถกำหนดไลฟ์สไตล์ของตัวคุณเองได้จากขนาดของ Asset ที่คุณมีอยู่ในครอบครอง ว่ามันสามารถทำเงินให้งอกเงยได้เท่าไหร่ เช่น ถ้าทรัพย์สินของคุณมันทำให้เงินงอกเงยได้เดือนละ 30,000 บาท/เดือน ก็ใช้ออกรถญี่ปุ่นธรรมดา ๆ แต่หากได้หลักแสนต่อเดือน ก็อาจจะใช้รถยุโรป หรือถ้ามันงอกเงยได้เดือนละเป็นล้านก็อาจจะเป็นรถสปอร์ตสักคัน หรือหากงอกหลายล้านก็จัดไปเลย super car

แต่จงจำเอาไว้ว่า อย่าใช้มากกว่าที่คุณหามาได้เด็ดขาด อย่าใช้เกินตัว

คำสอนที่ 2 – Work to learn, don’t work for money จงทำงานเพื่อเรียนรู้ อย่าทำงานเพื่อเงิน

ก่อนที่ Robert Kiyosaki จะกลายมาเป็นผู้ประกอบการและนักลงทุนนั้น เขาก็เคยเป็นพนักงาน เป็น employee มาก่อน แต่งานในระหว่างที่เขาเป็น employee นั้น เขาเลือกที่จะเป็นนักขาย ที่รายได้ขึ้นอยู่กับค่า commission ที่ขายของได้ ส่วนเงินเดือนของนักขายนั้นน้อยมาก ดังนั้นเขาจึงจำเป็นที่จะต้องเรียนรู้และทำทุกอย่างเพื่อปิดการขายให้ได้ เพราะไม่เช่นนั้นแล้ว มีเงินเดือนอย่างเดียวไม่พอกินแน่ ๆ

แต่หลายคนมักเลือกงานที่มั่นคง เงินเดือนสูง ๆ และไม่ต้องไปเสี่ยง ไปวัดดวงกันสิ้นเดือนว่าจะมีเงินเท่าไหร่ อย่างอาชีพนักขาย

แต่ในทางกลับกัน Robert Kiyosaki เลือกงานที่เงินเดือนน้อย แต่หากมีทักษะในการขายที่สูง รายได้เขาก็จะสูงขึ้นตามไปด้วยแบบไม่มีเพดาน ยิ่งขายได้มากเท่าไหร่ เขาก็ยิ่งมีรายได้มากขึ้นเท่านั้น แต่ทั้งหมดทั้งมวลที่เขาเลือกที่จะเป็นนักขายก็เพราะ เป็นการเตรียมตัวเอง ฝึกตัวเองเพื่อเข้าสู่เส้นทาง การเป็นนายตัวเอง การเป็นผู้ประกอบ และการเป็นนักลงทุนในอนาคต ที่ทักษะการขายถือว่าเป็นทักษะที่สำคัญมากที่ต้องมี เขาไม่ได้บอกว่ามันง่าย เพราะงานอะไรก็ตามที่มันยากมันมักจะเป็นงานที่ดีกว่าอยู่เสมอ

คำสอนที่ 3 – The most important things is cash flow สิ่งที่สำคัญที่สุดคือกระแสเงินสด

ความแตกต่างระหว่าง Asset กับ Liability หรือระหว่างทรัพย์สินกับหนี้สินนั้นคือ อะไรก็ตามที่สามารถสร้างกระแสเงินสดเข้ากระเป๋าของเราได้ถือว่าเป็น Asset ในทางตรงกันข้าม หากอะไรก็ตามที่ทำให้เงินออกจากกระเป๋าของเรานั้น จะเรียกมัน Liability หรือหนี้สิน แม้ว่าสิ่ง ๆ นั้นจเป็นสิ่งเดียวกัน ยกตัวอย่างเช่น คนส่วนใหญ่มักคิดว่า ‘บ้าน’ คือ ทรัพย์สิน แต่คำตอบที่ถูกต้องคือ มันจะเป็นทรัพย์สินหรือหนี้สินก็ได้ เพราะมันขึ้นอยู่กับว่า บ้านหลังนั้น มันนำเงินเข้ากระเป๋าของเราก็นำเงินออกจากกระเป๋าของเราต่างหาก

ถ้าทุก ๆ สิ้นเดือน คุณจะต้องนำรายได้ส่วนหนึ่งไปผ่อนบ้าน เงินมันก็จะวิ่งออกจากกระเป๋าของคุณไปธนาคาร กรณีนี้จะเรียกว่าบ้านเป็นหนี้สิน

แต่ในขณะที่หากบ้านนั้น คุณปล่อยให้คนอื่นเช่า สมมติว่าหักลบกลบหนี้ที่จะต้องไปผ่อนธนาคารแล้วยังเป็นบวก นั่นแสดงว่า บ้านหลังนั้นเป็นทรัพย์สิน เพราะมีเงินเข้ากระเป๋าของเราเพิ่มขึ้น

คำสอนที่ 4 – Learn how to read a financial statement เรียนรู้วิธีการอ่านงบการเงิน

ในระบบการศึกษาในโรงเรียน เรามักจะถูกสอนให้งานดี ๆ เงินดี ๆ ทำ แต่กลับไม่ได้สอนเรื่องการจัดการกับเงินที่หามาได้แล้วเลย ในขณะที่ผู้ประกอบการนอกจากพวกเขาได้เรียนรู้ที่จะหาเงินเข้าบริษัทได้อย่างมากมายแล้ว พวกเขาได้เรียนรู้ในการสร้าง Asset หรือทรัพย์สินอีกด้วย เพราะพวกเขารู้ว่า เมื่อนำเงินที่หามาได้ ไปลงทุนในทรัพย์สินให้มันเติบโตแล้ว ทรัพย์สินเหล่านั้น จะสร้างกระแสเงินสดกลับเข้ามาภายในบริษัทมากยิ่งขึ้น แม้ว่าจะทำงานหรือไม่ทำงานก็ตามที ทรัพย์สินเหล่านั้นก็จะสร้างกระแสเงินสดเข้ามาอย่างต่อเนื่อง

คำสอนที่ 5 – “C” students can be successful too เรียนเกรดไม่ดีก็ประสบความสำเร็จได้

ผลการเรียนในโรงเรียน ไม่ได้เป็นเครื่องหมายในการการันตีว่าเราจะประสบความสำเร็จในโลกการเงิน อันที่จริงไม่ว่าคุณจะเรียนได้เกรดอะไรในโรงเรียน มันแทบไม่ได้เกี่ยวอะไรเลยกับโลกการเงินในชีวิตจริง เพราะเราจะสังเกตได้ว่า คนที่เรียนเก่ง จบสูง ๆ ได้งานดี ๆ เงินดี ๆ อย่างคุณหมอ นั้นก็ไม่ได้การันตีว่าพวกเขาจะรวย หรือประสบความสำเร็จทางด้านการเงิน

แต่ในขณะที่คนอย่าง Bill Gates หรือ Steve Jobs ที่ drop out หรือออกจากมหาวิทยาลัยกลางคันนั้นกลับประสบความสำเร็จอย่างยิ่งใหญ่ หรืออย่าง Jack Ma เองที่พอเรียนจบจากมหาวิทยาลัยแล้วไปเป็นคุณครูสอนภาษาอังกฤษ ก็ไม่ได้ประสบความสำเร็จอะไร จนกระทั่งเขาลาออกมาเพื่อก่อตั้งบริษัท Alibaba จนประสบความสำเร็จอย่างยิ่งใหญ่ และในเมื่ออยู่ในระบบการทำงานแบบเดิม ๆ แล้วชีวิตมันไม่ได้ก้าวหน้าไปไหน ก็ลองใช้ชีวิตออกจากกรอบเดิม ๆ ระบอบเดิม ๆ ดู

Resources

Exit mobile version