Jack Ma อบรมผู้ประกอบการรุ่นเยาว์ที่มหาวิทยาลัย Nairobi ประเทศ Kenya EP.1
สำหรับโพสต์นี้ Blue O’Clock ได้มีโอกาสนั่งฟัง Jack Ma บรรยายให้กับผู้ประกอบการรุ่นใหม่ ที่มหาวิทยาลัย Nairobi ประเทศ Kenya ในปี 2017 และนี่คือเลคเชอร์ ที่ได้เรียนรู้จากการบรรยายในครั้งนี้
Jack Ma เริ่มต้นด้วยการที่เขาได้เล่าย้อนกลับไปเมื่อประมาณสิบกว่าปีที่แล้ว ในปี 1999 ตอนที่เขามีอายุประมาณ 35 ปี ซึ่งเขาได้พูดให้กับเพื่อน ๆ อีก 18 คน ในห้องอพาร์ทเม้นท์เล็ก ๆ เพื่อโน้มน้าวให้ทุกคนเข้าร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการก่อตั้งบริษัทที่เกี่ยวข้องกับอินเตอร์เน็ตขึ้นมา โดยมีจุดประสงค์ที่ต้องการใช้อินเตอร์เน็ตในการช่วยเหลือเหล่าบรรดา SME, กลุ่มพ่อค้าแม่ค้าและกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่มีความฝัน ที่มีไอเดียในการผลิตสินค้าและต้องการขายสินค้าไปทั่วโลก ให้กลายเป็นจริงขึ้นมา
และเมื่อเพื่อน ๆ ของ Jack Ma ทั้ง 18 คน ได้ยินเรื่องดังกล่าวก็ยังนึกภาพไม่ค่อยออก ซึ่งไม่ต้องเดาก็พอจะรู้ว่า ในยุคนั้นผู้คนยังถามกันอยู่เลยว่า อินเตอร์เน็ตคืออะไร? ยิ่งบอกเรื่องของ Ecommerce ค้าขายออนไลน์ ยิ่งงงเข้าไปกันใหญ่
ซึ่ง Jack Ma พูดอยู่บ่อยครั้งว่า เขาค่อนข้างเป็นคนที่โชคดี (มหาเศรษฐีต่างยอมรับ ดวงคือปัจจัยอย่างหนึ่งที่ส่งผลต่อความสำเร็จ) ที่เพื่อน ๆ ทั้ง 18 คน เชื่อมั่นในตัวเขาเมื่อสิบกว่าปีที่แล้ว และเขาก็ยังบอกอีกว่า ความฝันเมื่อสิบกว่าปีที่แล้ว พวกเขาสามารถทำมันได้สำเร็จโดยใช้เวลาเพียงแค่ 15 ปี ในปี 2014 ก็สามารถนำบริษัท Alibaba เข้าตลาดหลักทรัพย์ได้สำเร็จ
ตรงประโยคนี้จะเห็นได้ว่า Jack Ma ใช้คำว่า ใช้เวลาน้อยมากแค่ 15 ปี ก็สำเร็จ นั่นหมายถึง ภาพความสำเร็จที่ทุกคนต่างเห็นเบื้องหน้าในวันนี้ของเขานั้น ล้วนแล้วมาจากการทำงานอย่างหนักตลอดสิบกว่าปี ที่ไม่มีใครเคยเห็นเบื้องหลัง ที่มีแต่ความยากลำบาก ความอดทน ความมุ่ง ความขยันขันแข็ง และอุปสรรคนานับประการ
ต่อมาข้ออ้างของคนส่วนใหญ่ที่ไม่ยังไม่กล้าที่จะเริ่มต้นทำธุรกิจสักกะที เช่น ฉันไม่มีความรู้เรื่องเกี่ยวกับธุรกิจ ฉันไม่เคยทำธุรกิจมาก่อนเลยในชีวิต ฉันไม่เคยเรียน MBA ด้านการบริหารธุรกิจมาก่อน
ซึ่ง Jack Ma ได้บอกว่า นั่นแหละคือตัวเขา ที่ไม่รู้อะไรเลยเกี่ยวกับเรื่องธุรกิจ ที่หนักไปกว่านั้นก็คือ เขาแทบจะไม่รู้อะไรเลยเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ แม้กระทั่งตอนนี้ เขาก็ยังไม่มีคอมพิวเตอร์ส่วนตัวไว้ใช้ทำงานแม้แต่เครื่องเดียว ทั้ง ๆ ที่เป็นบริษัทขายของออนไลน์ผ่านเว็บไซต์
ซึ่งทุกคนต่างตั้งข้อสงสัยเกี่ยวกับตัวเขาว่า เพราะเหตุใด ทำไม Jack Ma ซึ่งเป็นคนที่ไม่รู้อะไรเลยเกี่ยวกับธุรกิจ คอมพิวเตอร์ หรือแม้กระทั่งไฟแนนซ์หรือการเงิน สามารถรันธุรกิจ Ecommerce ยักษ์ใหญ่ขนาดนี้ได้ คำตอบที่ Jack Ma ตอบก็คือ “เขารู้เรื่องของคนเป็นอย่างดี” เขารู้ว่าผู้คนต้องการอะไร และไม่ต้องการอะไร
ซึ่ง Jack Ma เล่าว่า เขาเก็บเกี่ยวประสบการณ์เกี่ยวกับการเรียนรู้เรื่องของการทำงานกับผู้คนมาตั้งแต่สมัยเรียนในช่วงมหาวิทยาลัย แม้ว่าตัวเขาเองนั้นจะหัวไม่ค่อยดี เรียนไม่ค่อยเก่ง ซึ่งผลการสอบเขาก็มักจะได้อันดับท้าย ๆ ของห้องตั้งแต่ชั้นประถมยันเรียนจบมหาวิทยาลัย ซึ่งเขาสอบตกในช่วงมหาวิทยาถึง 3 ครั้งด้วย
ซึ่งนั่นมันทำให้เขาเรียนรู้ว่า สิ่งที่เขาควรทุ่มเทมากที่สุด ไม่ใช่เพื่อการผลักดันให้ตัวเองเรียนได้อันดับที่ 1 ของรุ่น เพราะดูแล้วน่าจะเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นได้ยาก แม้ว่าจะใส่ความพยายามอย่างสุดกำลัง ดังนั้น Jack Ma จึงคิดใหม่ว่า ถ้าเป็นนักเรียนเรียนดีอันดับที่ 1 ไม่ได้ งั้นก็เป็นนักเรียนที่มีผู้คนชื่นชอบมากที่สุดแทนก็แล้วกัน และนั่นก็ทำให้เขาได้รับเลือกเป็นประธานนักศึกษาของมหาวิทยาลัยของเขาเอง และต่อมาก็ได้กลายเป็นประธานศึกษาของเมืองทั้งเมืองได้ในที่สุด ซึ่งรวมแล้วมีนักศึกษารวมกันมากกว่า 1 แสนคน และเขาคือคนที่อยู่ตำแหน่งบนสุดของวงการนี้
และงานของเขาก็คือ การทำงานร่วมกับผู้คนหลายคน เพื่อรับฟังเสียงของนักศึกษา และพิจารณาว่า มีสิ่งใดที่เขาสามารถทำเพื่อกลุ่มนักศึกษาเหล่านี้ได้บ้าง ซึ่งในตอนนั้นเขาก็ยังยากจนและไม่มีเงินอยู่ ดังนั้นการช่วยเหลือผู้อื่นให้ได้มากที่สุดคือทางเลือกหนึ่งเดียวเพื่อให้ผู้อื่นเคารพนับถือในตัวเขา
ต่อมาหลังจากที่เขาเรียนจบระดับชั้นมหาวิทยาลัยแล้ว มีโอกาสได้ทำงานทำแรกนั่นก็คือการเข้าไปเป็นคุณครูในระดับมัธยมศึกษา เป็นเวลาทั้งหมด 6 ปี และเขาก็รู้เคล็ดลับอย่างหนึ่งในการเป็นคุณครูที่นักเรียนรักมากที่สุดในโรงเรียนนั่นก็คือ ให้คุณเลิกชั้นเรียนก่อนถึงเวลาหมดคาบก่อน 5 นาที เพราะไม่มีนักเรียนคนไหนหรอกที่ชอบคุณครูที่สอนเกินเวลาเรียน ต่อให้คุณสอนเก่ง สอนดีแค่ไหน พวกเขาก็ไม่ชอบคุณอยู่ดี และนี่คือเคล็ดลับที่ทำให้คุณสามารถกลายเป็นคุณครูที่นักเรียนชอบมากที่สุดในโรงเรียนนั่นเอง
และจบจากอาชีพคุณครูเขาก็ได้กลายมาเป็น CEO ของบริษัท ซึ่งสิ่งที่เขาได้เรียนรู้จากการเป็นคุณครูที่ดีก็คือ ครูทุกคนอยากให้ลูกศิษย์ได้ดิบได้ดีแทบทั้งสิ้น ครูทุกคนอยากให้นักเรียนของเขาเก่งกว่าตัวเขา คงไม่มีครูคนไหนที่อยากให้ลูกศิษย์เรียนจบไปแล้ว ล้มละลายหรือเข้าคุกเข้าตาราง
ดังนั้นเขาจึงนำหลักคิดนี้มาปรับใช้ในตอนที่ทำบริษัท Alibaba ที่เขามีหน้าที่ต้องหาคนเข้ามาทำงานในบริษัท ซึ่งเขาจะต้องมั่นใจว่า คนที่เขาจ้างเข้ามานั้น ต้องดีกว่าเขา เก่งกว่าเขา ฉลาดกว่าเขา และเราก็มีหน้าที่ดึงศักยภาพที่แท้จริงของเขาออกมาให้ได้ เพราะ Jack Ma เชื่อว่า พวกเขาเก่งกว่าที่พวกเขาคิดเอาไว้ และการที่จะทำให้พวกเขาเก่งขึ้นได้นั้น คุณก็ต้องจัดการอบรม จัดเทรนนิ่งให้แก่พวกเขา ฝึกฝนสร้างวินัยให้แก่พวกเขา ซับพอร์ทพวกเขา อย่างดีที่สุด โดย Jack Ma ได้นิยามความหมายของคำว่า CEO ในมุมมองของเขาที่เคยเป็นครูมาก่อนว่า จากเดิมที่ CEO ย่อมาจาก Chief Executive Officer ที่แปลได้ว่า ประธานกรรมการบริหารบริษัท เปลี่ยนเป็น Chief Education Officer ที่แปลได้ว่า ประธานกรรมการการศึกษาของบริษัท
สรุปสั้น ๆ อีกครั้ง นี่คือสิ่งที่ Jack Ma ได้เรียนรู้ในแต่ละช่วงเวลาก็คือ
- ช่วงที่เป็นนักเรียน นักศึกษา คุณต้องเป็นนักเรียนที่ดี ขวนขวายหาความรู้ โดยที่ไม่จำเป็นต้องเป็นคนที่เรียนเก่งที่สุด แต่คุณต้องรู้ว่า ใครเก่งกว่าคุณและเรียนรู้วิธีการทำงานร่วมกับเขาคนนั้น
- ช่วงที่เป็นคุณครู เขาเรียนรู้ว่า คุณครูมีหน้าที่ในการแบ่งปันความรู้แก่ผู้เรียน และทำให้ผู้เรียนรู้ตัวว่า พวกเขาเก่งกว่าที่พวกเขาคิดเอาไว้เยอะ
แล้วมาต่อกันในพาร์ทที่ 2 นะครับ
สำหรับเพื่อน ๆ ที่สนใจในการเรียนรู้การทำวีดีโอแอนิเมชั่นสไตล์ Blue O’Clock
วันนี้คุณสามารถลงทะเบียนเรียนได้ฟรี ได้แล้วในคอร์สที่ชื่อว่า
Basic Whiteboard Animation
และหากดูเวอร์ชั่นฟรีจบแล้ว ต้องการไปต่อและซับพอร์ททีมงาน Blue O’Clock
คุณสามารถลงทะเบียนเรียนได้ในคอร์ส
Advanced Whiteboard Animation
ที่กำลังเปิดให้ลงทะเบียนในราคาพิเศษอยู่ ณขณะนี้
โดยคุณสามารถดูรายละเอียดการลงทะเบียนที่ลิงค์ด้านล่างนี้ได้เลยครับ
Resources
Pingback: 3 สิ่งที่จะทำให้คุณประสบความสำเร็จ | Jack Ma อบรมผู้ประกอบการรุ่นเยาว์ที่มหาวิทยาลัย Nairobi ประเทศ K