จากตอนเดิมที่แล้วใน Episode ที่ 1 ที่ Jack Ma ได้ไปบรรยายให้กับผู้ประกอบการรุ่นใหม่ที่มหาวิทยาลัย Nairobi ณ ประเทศ Kenya เรามาต่อกันในพาร์ทที่ 2 กันเลยครับ
Jack Ma ได้เล่าย้อนกลับไปในช่วงปี 1994 ตอนที่เขาพึ่งลาออกจากการเป็นครูในมหาวิทยาลัย เพื่อเริ่มต้นในเส้นทางสู่การเป็นนายตัวเองว่า แนวคิดการเริ่มต้นธุรกิจ Alibaba ของเขานั้น เริ่มต้นมาจากการที่เขาคิดในแบบความเป็นครูของเขาก็คือ ทุกสิ่งทุกอย่างที่เขาได้พร่ำสอนแก่ลูกศิษย์ของเขานั้น ความรู้เหล่านั้นล้วนแล้วแต่เป็นความรู้แต่เพียงในหนังสือเพียงอย่างเดียวเท่านั้น และ Jack Ma ก็คิดแค่เพียงว่า หากเขาออกไปเพื่อนำความรู้เกี่ยวกับเรื่องอินเตอร์เน็ตมาเผยแพร่แก่ผู้อื่นมันจะต้องดีกว่าที่เป็นอยู่นี้อย่างแน่นอน
ซึ่งในขณะที่คนอื่น อาจมีจุดเริ่มต้นในการกระโดดเข้าสู่ธุรกิจอินเตอร์เน็ตนั้น อาจจะมาจากเห็นโอกาสในการกอบโกย ว่าหากฉันกระโดดเข้าร่วมในวงการนี้ ฉันจะต้องรวยอย่างแน่นอน แต่ในขณะที่ Jack Ma เข้าสู่วงการนี้ โดยไม่ได้ใช้ตัวเงินเป็นที่ตั้ง ตั้งแต่แรก เพราะ ณ เวลานั้น ใคร ๆ ต่างก็รู้ดีว่าตัวของ Jack Ma นั้น ไม่ได้มียีนส์ของคนรวยเลยแม้แต่น้อย โดยเขาเล่าว่า เขาเคยถามภรรยาของเขาในช่วงที่พึ่งเริ่มก่อตั้งธุรกิจว่า “เธอต้องการสามีที่ร่ำรวยหรือสามีที่ได้รับการเคารพและนับถือมากกว่ากัน” โดยภรรยาสวนตอบกลับทันควันเลยว่า “หน้าอย่างคุณเนี่ยไม่ใช่คนรวยอย่างแน่นอน” เพราะถ้าดูจากพื้นเพตั้งแต่เกิดมาของ Jack Ma นั้น ที่เกิดมาในครอบครัวที่ยากจน ที่พ่อและแม่ของเขาเองนั้น ก็จินตนาการไม่ออกเลยว่า ลูกของตัวเองจะรวยได้ยังไง ในขณะที่เพื่อนร่วมชั้นเรียนรวมไปถึงครูบาอาจารย์ของเขานั้น ก็ไม่เคยคิดว่าเขาจะร่ำรวยได้ เพราะแม้แต่การสอบเลื่อนชั้นยังสอบตกแล้วสอบตกอีก
ซึ่งแม้ว่าในวันนี้ สื่อทั่วโลกจะพาดหัวข่าวและยกย่องให้เขานั้น กลายเป็นบุคคลที่ร่ำรวยที่สุดในประเทศจีน แต่ตัวของ Jack Ma เองก็ยังคงคิดว่าเขาไม่ใช่คนร่ำรวยอะไร นั่นก็เพราะ ตัวเขาคิดว่า เงินเหล่านั้นไม่ใช่เงินของเขา โดยเขายกตัวอย่างให้เห็นภาพได้ชัดยิ่งขึ้น เมื่อคุณทำธุรกิจไปได้สักพัก หากคุณมีรายได้สัก 1 ล้านดอลล่าร์(ประมาณ 30 ล้านบาท) นั่นเป็นเงินที่คุณสมควรได้รับหลังจากที่ตรากตรำทำงานมาอย่างหนัก แต่เมื่อไหร่ก็ตามที่ในกระเป๋าคุณเริ่มมีเงินสัก 20 ล้านดอลล่าร์ฯ(ประมาณ 600 ล้านบาท) คุณจะเริ่มมีปัญหาใหม่เข้ามาทันทีนั่นก็คือ คุณจะต้องเริ่มคิดและประเมินผลของผลตอบแทนในการลงทุนในรูปแบบต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็น
- ฉันจะเอาเงินก้อนนี้ไปลงทุนอสังหาฯ ที่ไหนดี
- ฉันจะเอาเงินก้อนนี้ไปซื้อหุ้นตัวไหนเอาไว้
- ฉันจะเอาเงินก้อนนี้ไปลงทุนในบริษัท VC (Venture capital)กับเจ้าไหนดี ซึ่ง VC ก็คือบริษัทกองทุนที่จะนำเงินไปลงทุนในบริษัทอื่นอีกทีนึงนั่นเอง
- ฯลฯ
ซึ่งจะสังเกตได้ว่า เงินเหล่านั้นมันก็ไม่ได้อยู่ในกระเป๋าเราอยู่ดี มันเป็นเงินของคนอื่นหรือเพื่อลงทุนในบริษัทอื่น
และเมื่อไหร่ก็ตามที่คุณมีเงินจำนวน 1 พันล้านดอลล่าร์ฯ (ประมาณ 30,000 ล้านบาท) นั่นมันคือเงินของผู้คนที่เชื่อมั่นในตัวคุณ เชื่อมั่นในบริษัทของคุณ ว่าเมื่อพวกเขาฝากเงินไว้กับบริษัทของคุณแล้วนั้น คุณจะสามารถใช้เงินนั้นให้เกิดประโยชน์ได้ดีกว่ารัฐบาลได้นั่นเอง
และนั่นมันก็ทำให้ Jack Ma ตระหนักอยู่ตลอดเวลาว่า การใช้จ่ายเงินเหล่านี้ เป็นความรับผิดชอบของเขาที่จะต้องทำให้เงินก้อนนี้เกิดประสิทธิภาพสูงที่สุด และนี่คือเหตุผลที่ภรรยาของเขาบอกกับเขาในวันนั้นว่า อย่าพยายามที่จะเป็นคนรวย แต่จงเป็นคนที่มีแต่ผู้คนเคารพและนับถือในตัวของคุณ และนั่นคือสิ่งที่ Jack Ma เองถือปฏิบัติตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา
โดย 3 เรื่องหลักที่ Jack Ma มักจะแชร์แก่ผู้ประกอบการรุ่นใหม่ ก็คือ
- How to be successful – วิธีการประสบความสำเร็จ
- How to not fail – วิธีการหลีกเลี่ยงความล้มเหลว
- How to be Respected – วิธีการได้รับความเคารพนับถือจากผู้อื่น
มาดูกันที่ข้อแรก ถ้าหากคุณต้องการที่จะประสบความสำเร็จ คุณจะต้องเป็นคนที่มีทั้ง EQ, IQ และ LQ
- EQ : Emotional Quotient หมายถึง ความฉลาดทางอารมณ์
- IQ : Intelligence Quotient หมายถึง ความฉลาดทางเชาวน์ปัญญา
- LQ : Love Quotient หมายถึง ความฉลาดทางด้านความรัก
ซึ่ง EQ นั้น มีผลอย่างมากต่อการประสบความสำเร็จ เพราะเมื่อคุณมี EQ ที่สูง คุณจะรู้วิธีการการทำงานร่วมกับผู้อื่นได้เป็นอย่างดี คุณจะเข้าใจธรรมชาติของมนุษย์ และคุณจะสามารถซับพอร์ทผู้คนเพื่อให้พวกเขาร่วมแรงร่วมใจในการร่วมกันทำบางสิ่งบางอย่างให้สำเร็จลุล่วงขึ้นมาได้ และเจ้า EQ นี่แหละ ที่จะส่งผลให้คุณสามารถประสบความสำเร็จได้ในที่สุด
ต่อมาคือ หากคุณต้องการที่จะหลีกเลี่ยงความล้มเหลว
คุณคงเคยเห็นคนที่ทำธุรกิจบางคน ที่อยู่ดี ๆ ก็รวยล้นฟ้าขึ้นมา แต่กลับจนจง ธุรกิจเจ๊งไม่เป็นท่า หมดตัวอย่างรวดเร็ว และหากคุณไม่ต้องการที่จะล้มเหลวอย่างพวกเขา คุณจำเป็นที่จะต้องให้ความสำคัญกับ IQ เพราะพวกเขาเหล่านั้นขาด IQ ทางด้านความรู้ที่ดีและความรู้ที่จำเป็นสำหรับการใช้ในการดำเนินการธุรกิจให้ประสบความสำเร็จ รวมไปถึงองค์ความรู้ใหม่ ๆ ที่จะช่วยปกป้องไม่ให้ธุรกิจเจ๊ง ปกป้องคนในองค์กรให้อยู่ดีมีสุข
ส่วนการมี IQ ที่สูง โดยไม่ใส่ใจกับการพัฒนาทักษะทางด้าน EQ แล้วล่ะก็ คุณก็จะไม่สามารถประสบความสำเร็จได้ โดยดูได้จาก แต่ละโรงเรียน แต่ละสถาบันการศึกษา นักเรียนที่มี IQ สูงสุดในชั้น เรียนเก่งสุด แต่กลับไม่ประสบความสำเร็จเท่าที่ควร เป็นเพราะพวกเขาละเลยการพัฒนาด้าน EQ จึงมีวลีที่เราคุ้นชินกันว่า จบดอกเตอร์แต่มักจะเป็นลูกจ้างในบริษัทของคนที่จบเพียงแค่ชั้น ป.4
ซึ่งความหมายในที่นี้ คนส่วนใหญ่มักตีความผิด โดยมักจะชอบตีความไปว่า การศึกษานั้นไม่สำคัญ จบ ป.4 ก็รวยได้ เป็นเถ้าแก่ได้ แต่หารู้ไม่ว่า เถ้าแก่เหล่านั้น ที่เขาเรียนจบเพียงชั้น ป.4 ส่วนใหญ่ ณ ตอนนั้น พวกเขายากจนเกินกว่าที่เข้าเรียนในสถาบันการศึกษา ซึ่งในชีวิตจริงนั้น เหล่าบรรดาเถ้าแก่ต่างขวนขวายหาความรู้จากการลงมือปฏิบัติ บวกกับขวนขวายหาความรู้ที่อยู่นอกตำราอยู่ตลอดเวลา ไม่เคยหยุดเรียนรู้สักวัน และแน่นอนว่า การที่เถ้าแก่กลายเป็นที่รักของลูกน้องก็เพราะ เขามี EQ ที่สูง ทำให้เข้าใจในศาสตร์ของมนุษย์ด้วยกันมากกว่าคนที่มีแต่ IQ สูงเพียงอย่างเดียวนั่นเอง
และเมื่อใดก็ตามที่ตัวคุณนั้นมีทั้ง IQ และ EQ ที่สูงพอสมควร คุณจะเริ่มมีชื่อเสียง มีเงินทอง หลังไหลเทมาจากทุกทิศทาง แต่หากเมื่อไหร่ที่คุณถึงจุดหนึ่งที่คนส่วนใหญ่คิดว่า จุดที่คุณยืนอยู่นั้นเป็นของคนที่ประสบความสำเร็จยืนอยู่ แต่ตัวคุณเองกลับพบว่า มันว่างเปล่าสิ้นดี เพราะแทบไม่มีใครเลยที่เคารพและนับถือคุณจากใจจริง
ดังนั้นหากในวันนี้ผู้คนยังไม่เคารพนับถือในตัวคุณนั่นก็เป็นเพราะ คุณยังขาดในด้านของ LQ ที่หมายถึง ความฉลาดทางความรัก ที่มีต่อเพื่อนมนุษย์ในสังคม ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการให้ความใส่ใจแก่ผู้อื่น ให้ความรักแก่ผู้อื่น เคารพการตัดสินใจของผู้อื่น เคารพในความคิดของคนรุ่นใหม่ที่แม้ว่าพวกเขาจะอ่อนต่อโลกมากกว่าคุณ แต่ยังไงในวันข้างหน้าพวกเขาก็ต้องเก่งกว่าคุณอยู่ดี
ซึ่งอันที่จริงแล้ว ตัวของ Jack Ma เองเป็นตัวอย่างที่แย่ของคนที่ผู้อื่นไม่เคารพนับถือ โดยเฉพาะคนในประเทศจีนหลายคนมากที่ไม่ชอบเขา เพราะพวกเขาคิดว่าธุรกิจ Alibaba นั้น เป็นตัวบ่อนทำลายธุรกิจดั้งเดิมของพวกเขา ทั้ง ๆ ที่มีพ่อค้า แม่ค้า นักธุรกิจหลายต่อหลายคน ร่ำรวยและมีชีวิตที่ดีขึ้นจากการค้าขายออนไลน์บนเว็บไซต์ของ Alibaba ซึ่ง Jack Ma ได้ให้คำตอบว่า เขาไม่เคยคิดทำลายธุรกิจใด ตัวของพวกเขาเองต่างหากที่ทำลายธุรกิจของตัวเอง เพราะพวกเขาทำธุรกิจย่ำอยู่กับที่ และไม่ยอมพัฒนาธุรกิจให้ทันโลกในยุคปัจจุบัน
และนี่คือ ความฉลาดทั้ง 3 ข้อที่ส่งผลให้คุณสามารถประสบความสำเร็จในชีวิตได้ ซึ่งหาก ณ ตอนนี้คุณอยู่ในช่วงเป็นนักเรียน นักศึกษาอยู่ สิ่งที่คุณควรทำมากที่สุดก็คือ การไปเข้าร่วมกลุ่มทำกิจกรรมต่าง ๆ ให้ได้มากที่สุด ทำงานกับผู้อื่นให้ได้มากที่สุด ช่วยเหลือผู้อื่นให้ได้มากที่สุด อย่าเอาแต่เรียนเพียงอย่างเดียว
แล้วมาต่อกันในพาร์ทที่ 3 นะครับ
สำหรับเพื่อน ๆ ที่สนใจในการเรียนรู้การทำวีดีโอแอนิเมชั่นสไตล์ Blue O’Clock
วันนี้คุณสามารถลงทะเบียนเรียนได้ฟรี ได้แล้วในคอร์สที่ชื่อว่า
Basic Whiteboard Animation
และหากดูเวอร์ชั่นฟรีจบแล้ว ต้องการไปต่อและซับพอร์ททีมงาน Blue O’Clock
คุณสามารถลงทะเบียนเรียนได้ในคอร์ส
Advanced Whiteboard Animation
ที่กำลังเปิดให้ลงทะเบียนในราคาพิเศษอยู่ ณ ขณะนี้
โดยคุณสามารถดูรายละเอียดการลงทะเบียนที่ลิงค์ด้านล่างนี้ได้เลยครับ
Resources