Site icon Blue O'Clock

Bill Gates เล่าว่าหากเขาจนและมีรายได้วันละ 60 บาท เขาจะเริ่มต้นจากการเลี้ยงไก่

bill gates - บิล เกตส์

Bill Gates มหาเศรษฐีผู้ใจบุญและร่ำรวยเป็นอันดับที่ 2 ของโลก โดยในเดือนกุมภาพันธ์ ปี 2020 เขามีทรัพย์สินอยู่ที่ 99.9 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ หรือประมาณ 3.2 ล้านล้านบาท โดยตั้งแต่ที่เขาได้ตัดสินใจลาออกจากผู้บริหารของบริษัท Microsoft นั้น เขาก็ได้ทุ่มเทและมุ่งมั่นกับการทำงานด้านการกุศลโดยไม่หวังผลตอบแทนในมูลนิธิอย่าง Bill & Melinda Gates Foundation

Bill Gates ได้เขียนลง Blog ส่วนตัวของเขาเอง โดยเขาเริ่มต้นด้วยประโยคที่แสนจะเรียบง่ายว่า “If you were living on $2 a day, what would you do to improve your life?” หาก ณ ตอนนี้ คุณมีรายได้เฉลี่ย 2 ดอลล่าร์ฯ หรือประมาณ 60 บาทต่อวัน คุณจะสามารถทำอะไรเพื่อให้มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นได้บ้าง?

ซึ่งหลายต่อหลายคนอาจจะสงสัยหรือนึกภาพไม่ค่อยออกว่า จะใช้ชีวิตไปได้ยังไงด้วยค่ายันชีพวันละ 60 บาทกันล่ะ เพราะทุกวันนี้ค่าแรงขั้นต่ำวันละ 300 บาท ยังเอาตัวไม่รอดเลย แต่นี่เป็นคำถามที่ไม่เกินจริง เพราะประชากรโลกที่ยากจนกว่า 1,000 ล้านคนนั้น มีรายได้เท่านี้จริง ๆ

ซึ่งจากการที่เขาได้ทำงานมูลนิธิเขาก็ได้พบผู้คนมากมายในประเทศที่ยากจน มักจะเลี้ยงไก่ นั่นทำให้เขาเริ่มสนใจว่า เจ้าสัตว์มีปีกตัวนี้ อาจจะเป็นหนึ่งในคำตอบของการแก้ไขปัญหาความยากจนข้นแค้นก็เป็นได้ และเขาก็ไม่รอช้าที่จะลงพื้นที่เพื่อศึกษาในเชิงของนักธุรกิจและในเชิงของนักลงทุน ว่า หากเขามีรายได้วันละ 60 บาท แล้วต้องการที่จะลงทุนเพื่อเลี้ยงไก่นั้น จะต้องทำยังไง อะไรและเพราะเหตุใดบ้าง

เหตุผลข้อที่ 1 – พวกมันดูแลง่ายและค่าใช้จ่ายในการเลี้ยงดูไม่แพง (Easy and Inexpensive)

การเลี้ยงไก่นั้นแสนจะง่ายดายเพราะพวกมันสามารถหาอาหารกินตามพื้นดินได้ด้วยตัวเอง และจะดีกว่านั้นหากคุณมีการให้อาหารพวกมันเพราะจะทำให้พวกมันนั้นเจริญเติบโตเร็วขึ้นไปอีก ส่วนพื้นที่การเลี้ยงไก่นั้น จะเลี้ยงแบบปล่อยหรือเลี้ยงแบบมีคอกมีสุ่มก็ได้ ซึ่งสามารถใช้เศษไม้เศษลวดมาต่อกันเป็นคอกอย่างง่าย และสุดท้ายก็คือไก่นั้นต้องการวัคซีนเพียงเล็กน้อย ยกตัวอย่างเช่น วัคซีนป้องกันโรคนิวคาสเซิล (Newcastle Disease) ที่มีค่าใช้จ่ายประมาณ 20 cents (หรือประมาณ 5-6 บาทเท่านั้น)

เหตุผลข้อที่ 2 – การลงทุนในการเลี้ยงไก่เป็นการลงทุนที่ดี (Good investment)

หากสมมติว่าเกษตรกรมือใหม่ เริ่มต้นจากแม่ไก่ 5 ตัว บวกกับพ่อพันธุ์ไก่อีก 1 ตัว ผ่านไป 3 เดือน เขาจะมีลูกเจี๊ยบมากถึง 40 ตัว ซึ่งเมื่อเลี้ยงมันจนโตในแถบแอฟริกาตะวันตกนั้นราคาเฉลี่ยต่อตัวอยู่ที่ประมาณ 5 ดอลล่าร์ ตีเป็นเงินไทยก็ประมาณ 150 บาท และหากทำแบบนี้ไปเรื่อย ๆ เกษตรกรคนนี้มีโอกาสสร้างรายได้สูงถึง 1,000 ดอลล่าร์ฯ ต่อปี หรือประมาณ 3 หมื่นกว่าบาทต่อปี ซึ่งทำให้เขามีรายได้สูงกว่าค่าเฉลี่ยของกลุ่มคนยากจนที่มีรายได้เฉลี่ย 700 ดอลล่าร์ต่อปี หรือประมาณ 2 หมื่นบาทต่อปี ได้ในที่สุด

เหตุผลข้อที่ 3 – ไก่นั้นช่วยให้พวกเด็ก ๆ มีสุขภาพที่แข็งแรง (They help keep children healthy)

ด้วยโรคขาดสารอาหารในปัจจุบันทำให้เด็ก ๆ จำนวนกว่า 3.1 ล้านคน ต้องเสียชีวิตจากโรคนี้ ซึ่งสารอาหารและโปรตีนจากไข่ไก่จะช่วยให้เด็ก ๆ สามารถต่อสู้กับโรคขาดสารอาหารนี้ได้ หรือหากไม่ได้นำไข่ไก่มาทำเป็นอาหาร บางครอบครัวเกษตรกรที่มีฝูงไก่เล็ก ๆ ส่วนใหญ่พวกเขาก็เลือกที่จะรอให้ไข่ฟักตัวออกมาเลี้ยงให้โตแล้วขายเพื่อนำเงินไปซื้ออาหารที่มีสารอาหารที่ดีกว่า ในขณะที่หากเกษตรกรคนนั้นมีไก่ฝูงใหญ่และสามารถออกไข่ได้เป็นจำนวนมาก ๆ ซึ่งเพียงพอต่อการบริโภค หรือถ้าหากมีไก่ที่ร่างกายไม่สมบูรณ์ก็อาจจะเลือกมาทำเป็นอาหารเลี้ยงปากเลี้ยงท้องกับคนในครอบครัว โดยไม่ต้องออกไปซื้อหาก็ได้เช่นกัน

เหตุผลข้อที่ 4 – ไก่นั้นช่วยให้ผู้หญิงมีอำนาจในการตัดสินใจ (They empower women)

เหตุผลก็เพราะไก่นั้นมันมีขนาดตัวที่เล็กและสามารถเลี้ยงในบ้านหรือใกล้บ้านได้ ซึ่งตรงกันข้ามกับการเลี้ยงสัตว์ตัวใหญ่อย่างฝูงแกะฝูงวัว ที่ส่วนใหญ่มักเป็นงานที่อยู่กลางทุ่ง ไกลบ้าน ซึ่งทำให้หญิงชาวแอฟริกานั้น สามารถใช้ไก่เลี้ยงดูครอบครัวได้ ยกตัวอย่างเช่น บทสัมภาษณ์ของหญิงสาวแอฟริกันในพื้นที่ว่า หากลูกของเธอป่วย เธอก็สามารถนำไก่ไปขายเพื่อไปจ่ายค่ายารักษาลูกของเธอได้ในแทบจะทันที

และจากเหตุผลของ Bill Gates ข้างต้น เขาจึงตัดสินใจแทนที่จะบริจาคเงิน เพราะบริจาคเงินแล้วเดี๋ยวก็หมด พอหมดแล้วก็อดอยากเหมือนเดิม ดังนั้นแทนที่เขาจะให้เป็นตัวเงิน เขากลับบริจาคในรูปแบบของพ่อพันธุ์แม่พันธุ์ไก่จำนวนกว่า 100,000 ตัวแทน เพื่อผลักดันและสนับสนุนโครงการผู้ยากไร้ในแทบทวีปแอฟริกา โดยเขาได้วางเป้าหมายเอาไว้ว่า ประชากรจะหันมาเลี้ยงไก่เพิ่ม เพื่อเป็นตัวเลือกในการทำให้คุณภาพชีวิตความเป็นอยู่ดีขึ้นจากเดิมที่มีการเลี้ยงไก่ประมาณ 5 เปอร์เซ็นต์ของประชากร ให้เป็น 30 เปอร์เซ็นต์ของประชากรให้จงได้


และหากคุณเริ่มซีเรียสและจริงจังกับการเรียนรู้จากคนที่ร่ำรวยและประสบความสำเร็จอย่างสูง วันนี้คุณสามารถเข้าถึงพรีเมี่ยมคอนเท้นต์ได้แล้วบน Blue O’Clock Academy ใน ซีรี่ย์ Top 10 Mentors : 10 สุดยอดบทเรียนจากมหาเศรษฐีรุ่นพี่สอนว่าที่มหาเศรษฐีรุ่นน้องคนต่อไป โดยคุณสามารถลงทะเบียนได้ในราคาพิเศษตามรายละเอียดที่ลิงค์ด้านล่างวีดีโอนี้ได้เลยครับ – http://bit.ly/top10mentors

Resources

Exit mobile version