Blue O'Clock

สตูดิโอผลิตและพัฒนาสื่อการเรียนรู้ด้านการลงทุน ธุรกิจ จิตวิทยาและการพัฒนาตนเอง อย่างไม่มีที่สิ้นสุด

How to

5 คำสอน จาก Ray Dalio เจ้าของฉายา King of Hedge Funds ผู้ก่อตั้ง Bridgewater Associates บริษัทกองทุนที่ใหญ่ที่สุดในโลก

Ray Dalio ผู้ก่อตั้ง Bridgewater Associates ที่เป็นกองทุน Hedge Funds ที่ใหญ่ที่สุดในโลก และเจ้าของผลงานเขียน Principles : Life and Work ที่ติดอันดับ 1 บน New York Time Bestseller โดยในปี 2021 เขามีทรัพย์สินอยู่ที่ $20,300 ล้านดอลล่าร์ฯ หรือราว ๆ 636,202 ล้านบาท เป็นมหาเศรษฐีที่ร่ำรวยเป็นอันดับที่ 88 ของโลก และนี่คือ 5 คำสอนที่มีค่าจาก Ray Dalio

บทเรียนที่ 1 – Cross the jungle เมื่อฉันเดินเข้าป่า

เมื่อมีคนถาม Ray ว่า จะประสบความสำเร็จอย่างเขาอย่างไรได้บ้าง ซึ่งสิ่งที่ Ray ตอบกลับมานั้น เขามองว่า เขาไม่ได้มองความสำเร็จเหมือนกับคนอื่น ๆ เขาไม่ได้มองว่าตัวเองประสบความสำเร็จมากเท่าไหร่ หรือรวยเท่านั้น เท่านี้

เพราะเขามองว่าชีวิตของคนเราก็เหมือนกับการเดินทาง วันหนึ่งฉันเดินเข้าป่า แล้วก็เจอสิ่งกีดขวางระหว่างทาง แล้วเราก็ค่อย ๆ ถางทาง ผ่านจุดนั้นไปให้ได้ และเมื่อคุณผ่านด่านแรกไปได้ คุณก็จะเจอด่านที่สองด่านที่สามไปเรื่อย ๆ ซึ่งคนอื่น ๆ อาจมองว่าการเดินทางออกจากป่านั้นให้ได้คือการประสบความสำเร็จ แต่ในขณะที่ Ray นั้นมองว่า เขา enjoy ที่จะเดินทางอยู่ในป่าไปเรื่อย ๆ เพราะเขาสนุกกับการเดินป่า ผ่านด่านแล้วผ่านด่านเล่า เจอสิ่งท้าทายใหม่ ๆ เจออุปสรรคใหม่ ๆ ที่ต้องฝ่าฝันไปให้ได้ และเมื่อคุณผ่านมันไปได้ คุณก็จะประสบการณ์ที่เยอะขึ้นไปเรื่อย ๆ

“ถ้าเราเหนื่อยล้า จงเดินเข้าป่า” 555+ ยังไม่จบ ๆ อารมณ์ค้าง

บทเรียนที่ 2 – Know what people are like รู้ว่าผู้คนนั้นชอบอะไร

Ray คิดว่า การที่เรารู้ว่าคนอื่นต้องการอะไรบ้างนั้น เป็นเรื่องที่สำคัญอย่างมากในการสร้างทีมงานที่แข็งแกร่ง และการที่จะรู้ได้ว่าพวกเขาต้องการอะไรนั้น คุณจะต้องเป็นทั้งผู้ฟังที่ดีและนักสื่อสารที่ดีในเวลาเดียวกัน เพราะการที่องค์กรจะประสบความสำเร็จได้นั้น คุณไม่สามารถทำได้ด้วยตัวคนเดียว ดังนั้นจึงต้องมีทีมงานที่ต้องพึ่งพาอาศัยกันในแต่ละตำแหน่งหน้าที่ และการที่จะทำแบบนั้นได้ คุณก็จำเป็นที่จะต้องรู้ว่า พวกเขาต้องการอะไร เพื่อที่จะให้องค์กรทำงานร่วมกันและพาองค์กรไปสู่ความสำเร็จร่วมกัน

บทเรียนที่ 3 – Embrace different perspectives ยอมรับในความแตกต่าง

ผู้นำที่ล้มเหลวมักจะยึดติดกับอีโก้และความคิดของตนเองซะเป็นส่วนใหญ่ และสิ่งที่ผู้นำมักทำผิดพลาดอย่างมหันต์เลยก็คือ การที่ยึดติดกับความคิดของตนเองที่ตนเองคิดว่าถูกนั้น แต่แท้ที่จริงแล้วมันคือความคิดที่ผิด หรือถ้าเปรียบกับสุภาษิตก็น่าจะได้ประมาณว่า “เห็นกงจักรเป็นดอกบัว”

และ Ray ก็ได้บอกเอาไว้ว่าเรื่องนี้มันแก้ไขได้ง่ายมาก ๆ โดยผู้นำที่ดีจะต้องรู้จักมองภาพใหญ่ขององค์กรให้ออก โดยเริ่มจากยอมรับความแตกต่างในแต่ละตัวบุคคลก่อน เพราะแต่ละคนนั้นจะมีทั้งจุดแข็งและจุดอ่อนอยู่เสมอ

  • บางคนเห็นภาพใหญ่
  • บางคนเห็นรายละเอียดเล็ก ๆ น้อย ๆ
  • บางคนมีความคิดสร้างสรรค์ แต่ไม่มีความน่าเชื่อถือ
  • บางคนมีความน่าเชื่อถือสูงแต่ไม่ค่อยมีความคิดสร้างสรรค์

และในฐานะที่ตัวคุณเป็นผู้นำองค์กร คุณจะได้รับบทบาทในการมองภาพใหญ่เป็นหลัก และการที่จะตัดสินใจว่า สิ่งที่คุณคิดนั้น มันผิดหรือมันถูก ก็ให้คุณลองเปิดโอกาสให้คนในองค์กรได้มีส่วนร่วมในการแสดงความคิดเห็นในหัวข้อนั้น ๆ

เพราะอย่าลืมว่าในท้ายที่สุด ต่างคนต่างก็ต้องการความร่วมมือซึ่งกันและกัน พึ่งพาอาศัยกัน เพื่อให้องค์กรนั้นก้าวไปสู่ความสำเร็จ

บทเรียนที่ 4 – Meditation นั่งสมาธิ

แม้ว่า Ray จะไม่ใช่ชาวพุทธ แต่เขาก็ให้ความสำคัญกับในเรื่องของการนั่งสมาธิ มาตลอดและเขาทำแบบนี้ต่อเนื่องมามากกว่า 44 ปีแล้ว โดยเขาจะใช้เวลานั่งสมาธิเฉลี่ยวันละสองครั้ง และแต่ละครั้งจะใช้เวลาประมาณ 20 นาที เมื่อเขาทำมันอย่างสม่ำเสมอและเป็นประจำ ในขณะที่เขานั่งสมาธิอยู่นั้น สิ่งที่จะเกิดขึ้นก็คือ หัวสมองของเขาจะโล่งมาก มันจะปราศจากสิ่งรบกวน ปราศจากจากความเครียดที่อาจรบกวนเขา มันทำให้เขาใจเย็นลง สงบ และมองสิ่งต่าง ๆ ได้ดียิ่งขึ้น เหมือนกับความคิดมันเปิดออก มีข้อมูลดี ๆ เริ่มหลั่งไหลเข้ามาในหัวของเขา โดยเขาถือว่าการนั่งสมาธิเป็นการลงทุนที่ดีที่สุดอย่างหนึ่งในชีวิตและเป็นส่วนสำคัญที่สุดที่ช่วยผลักดันให้เขามาถึงจุด ๆ นี้เลยก็ว่าได้

บทเรียนที่ 5 – Learning from failure เรียนรู้จากความผิดพลาด

Ray กล่าวว่า ความล้มเหลวเป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการการเรียนรู้ที่สำคัญ หากชีวิตเปรียบดั่งเกม เมื่อคุณเจอกับความล้มเหลวนั่นหมายถึงเกมนั้นแค่หยุดชั่วคราว และหลังจากที่คุณได้เรียนรู้จากความผิดพลาดในอดีต มันจะทำให้คุณเรียนรู้วิธีที่จะก้าวต่อไปข้างหน้าโดยไม่ทำผิดซ้ำ ๆ เดิม ๆ เฉกเช่นในอดีตที่ผ่านมา

คุณท้อได้ ล้มเหลวได้ แต่หากคุณยังไม่เลิกเล่นเกมนี้ไปซะก่อน คุณก็มีโอกาสที่จะประสบความสำเร็จในสักวันใดวันหนึ่งอยู่เสมอ แม้จะมีโอกาสเพียงแค่ 1% แต่หากคุณยอมแพ้หรือล้มเลิกไปซะก่อนนั่นเท่ากับว่าโอกาสที่คุณจะประสบความสำเร็จนั้นเท่ากับศูนย์ไปเป็นที่เรียบร้อยในทันที

Resources