Blue O'Clock

สตูดิโอผลิตและพัฒนาสื่อการเรียนรู้ด้านการลงทุน ธุรกิจ จิตวิทยาและการพัฒนาตนเอง อย่างไม่มีที่สิ้นสุด

THE CEO STORY

ประวัติ Gary Vaynerchuk เจ้าพ่อออนไลน์ใช้โซเชียลเน็ตเวิร์คดันยอดขายพันล้านภายใน 5 ปี

Gary Vaynerchuk Self-made Millionaire เศรษฐีที่สร้างฐานะขึ้นมาได้ด้วยตนเอง ที่ถือว่าเป็นราชันในโลกโซเชียลฯ ที่เปลี่ยนธุรกิจครอบครัวให้กลายเป็นธุรกิจพันล้านภายใน 5 ปี โดยใช้ ‘คอนเทนต์มาร์เก็ตติ้ง’ แบบเพียว ๆ

Gary เกิดเมื่อวันที่ 14 พฤศจิกายน ปี 1975 ณ ประเทศเบลารุส (ซึ่งตอนนั้นยังใช้ชื่อว่า Gennady) โดย ณ ขณะนั้นยังเป็นอดีตสหภาพโซเวียต ก่อนที่ครอบครัวของเขาที่มีเชื้อชาติยิว ที่ได้รับสิทธิ์การลี้ภัยทางการเมือง ไปยังสหรัฐอเมริกา ในปี 1978

ซึ่งได้รับการช่วยเหลือจากคุณลุงที่ย้ายมาตั้งรกรากก่อนหน้านี้สักพักใหญ่ ๆ แล้ว จึงช่วยให้พ่อของ Gary ได้มีงานทำ โดยเป็นคนดูแลร้านเหล้าในเมืองคลาร์ก รัฐนิวเจอร์ซีย์

Gary ในวัย 6 ขวบ เขาจำได้ค่อนข้างแม่นยำเลยว่า คุณพ่อของเขาต้องเดินเท้าไปหลายกิโลเมตร เพื่อที่จะไปซื้อตุ๊กตา Star Wars เพื่อเป็นของขวัญวันครบรอบ 6 ขวบ ของเขา ทั้่ง ๆ ที่ครอบครัวของเขายากจนและค่อนข้างลำบากอยู่แล้ว

แต่ด้วยความที่คุณพ่อของเขานั้น เป็นคนที่ขยันแข็งและพัฒนาตนเองอยู่ตลอดเวลา ทำให้ก้าวขึ้นเป็นผู้จัดการร้าน และกลายเป็นหุ้นส่วนธุรกิจกับเจ้าของร้านเหล้า โดยใช้เวลาไม่นาน โดยใช้ชื่อร้านว่า Shopper’s Discount Liquors

และด้วยความที่ Gary นั้น ได้หัวการค้าและความขยันขันแข็งจากคุณพ่อของเขามาเต็ม ๆ เขาจึงเริ่มต้นทำธุรกิจตั้งแต่อายุได้ 8 ขวบ ด้วยการนำน้ำมะนาวไปวางจุดต่าง ๆ ตามหมู่บ้าน แล้วตระเวนเร่ขายและเก็บเงินตามจุดต่าง ๆ

แต่เมื่อวันเวลาเปลี่ยนไป โอกาสการค้าใหม่ ๆ ก็เริ่มเข้ามา ซึ่งในตอนนั้นเอง เป็นช่วงที่ผู้คนชอบในการสะสมการ์ดนักเบสบอล Gary จึงเข้ามาค้าขายกับเขาด้วย ซึ่งในตอนนั้นเขาได้เงินทุนจากคุณพ่อประมาณ 1,000 เหรียญในการตั้งตัว และด้วยความกระหายเขาก็เริ่มซื้อการ์ดเบสบอลจากห้างมาหลายกล่อง และคาดหวังเอาไว้ว่าจะได้การ์ดดี ๆ กับเขาบ้าง จนในท้ายที่สุดนั้น การ์ดที่ซื้อแบบสุ่ม ๆ นั้น มันมีมูลค่าเพียง 200 เหรียญเท่านั้น นี่แค่เริ่มต้นก็เจ๊งไม่เป็นท่าซะแล้ว

แต่การทำธุรกิจล้มเหลวก็คือการเรียนรู้อย่างหนึ่ง ซึ่งครั้งต่อไป Gary ได้เรียนรู้ว่า เริ่มแรกจะต้องศึกษาตลาดให้ดีซะก่อน ซึ่งเขาทำการสำรวจร้านค้าในบริเวณนั้นเพื่อศึกษาราคาของการ์ดแต่ละใบ จากนั้น ก็มาตั้งราคาให้ร้านของตัวเองมีราคาถูกกว่าทุกร้าน ทำให้ร้านเขาขายดีเป็นเทน้ำเทท่ากว่าร้านอื่น ๆ

และนอกจากนั้น ปกติแล้วการ์ดที่มีอยู่ในคู่มือของนักสะสมนั้นจะมีราคาสูง แต่อยู่ดี ๆ Gary ก็คิดตรงกันข้ามซะดื้อ ๆ เลยว่า การ์ดของเขาไม่มีอยู่ในคู่มือสะสม มันต้องเป็นการ์ดที่หายากและมีราคาสูงแน่ ๆ

ว่าแล้ว Gary ก็สร้างตลาดขึ้นมาเอง กำหนดราคาตลาดเองเอาดื้อ ๆ ซะเลย

และเมื่อ Gary Vaynerchuk จบการศึกษาจาก Mount Ida College เขาก็ได้กลับมาช่วยดูแลกิจการที่บ้าน อาศัยความหลงใหลที่มีต่อไวน์บวกกับความคิดริเริ่มที่จะผันร้านไวน์ออฟไลน์ให้กลายเป็น E-Commerce เขาจึงเปิดตัวเว็บไซต์ Winelibrary.com ในปี 1997 และทำการบันทึกวีดีโอรีวิวไวน์ทุกตัวของร้านแเผยแพร่ลงในเว็บไซต์และ Youtube โดยตั้งชื่อรายการว่า Wine Library TV ซึ่งผลิตรายการมาแล้วกว่า 1,000 Episode

ผลของการทำวีดีโอออกเผยแพร่เป็นจำนวนมากและทำอย่างต่อเนื่องทำให้ธุรกิจของครอบครัวเป็นที่รู้จักและเกิดยอดขายสะสมก้าวกระโดดจาก 3 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ไปสู่ 60 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ภายในระยะเพียง 5 ปี

และตัว Gary เองก็กลายเป็นเซเลบในวงการนักดื่มไวน์ไปโดยปริยาย แม้ว่ากูรูในวงการจะไม่ค่อยชอบขี้หน้าและการพูดการจาแบบขวานผ่าซากของเขาสักเท่าไหร่นัก เพราะนอกจากจะรีวิวไวน์ไม่ตรงตามตำราแล้ว ยังเป็นคนที่พูดเสียงดังแถมยังมีคำสบถออกมาทุก ๆ 2 ประโยค ซึ่งแหกตำรากูรูไวน์แบบไม่เหลือเค้าโครงเดิมกันเลยทีเดียว

หลังจากประสบผลลัพธ์จาก Wine Library TV เขาได้ผันตัวไปเป็น ที่ปรึกษาด้านการตลาดออนไลน์ ที่ชื่อว่า VaynerMedia ทั้งยังเป็น นักพูดและนักเขียน และมีรายการออนไลน์ของตัวเอง ซึ่งในโลกออนไลน์มีผู้ที่ติดตามเขาอย่างมากมาย ไม่ว่าจะเป็น

  • Facebook ที่มีผู้ติดตามกว่า 2.8 ล้านคน
  • Youtube ที่มี Subscriber กว่า 1.1 ล้านคน
  • Twitter ที่มีผู้ติดตามกว่า 1.6 ล้านคน
  • Instagram มีผู้ติดตามกว่า 2.9 ล้านคน

ซึ่งไม่ว่าจะเป็นโซเชียลมีเดียแพลตฟอร์มของเจ้าไหนเฮียแกก็สามารถทำได้ปังแทบทั้งสิ้น

จึงทำให้ลูกค้าไว้วางใจในการว่าจ้างเขาเป็นที่ปรึกษา ได้แก่ Johnson & Johnson, Google, Pepsi, Proctor & Gamble และ Disney เป็นต้น

และด้วยความที่ Gary มี Social Media ที่สตรอง จึงได้มีสำนักพิมพ์ยักษ์ใหญ่อย่าง HarperBusiness จับเซ็นต์สัญญาในการเขียนหนังสือกับทางสำนักพิมพ์เป็นจำนวน 10 เล่มด้วยกัน ซึ่งสัญญานี้มีมูลค่าสูงถึง 1 ล้านเหรียญสหรัฐฯ หรือราว ๆ กว่า 30 ล้านบาท

และตอนนี้ Gary ก็ได้ออกหนังสือกับทางสำนักพิมพ์มาแล้วเป็นจำนวน 4 เล่มด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็น

  • Crush It!
  • The Thank You Economy
  • Jab, Jab, Jab, Right Hook
  • AskGaryVee

ซึ่งทั้ง 4 เล่ม ล้วนแล้วแต่ติดอันดับหนังสือขายดีใน New York Times Bestsellers ทุกเล่ม! เป็นเพราะเวลาที่ Gary จะเปิดตัวหนังสือแต่ละทีนั้น เขาได้ทำการตลาดผ่านสื่อโซเชียลมีเดียที่อยู่ในเครือของเขา ที่รวม ๆ กันแล้ว ก็มีผู้ติดตามกว่า 10 ล้านคน ซึ่งไม่เสียเงินค่าโฆษณาสักกะแดงเดียว(มีสื่อในมือมันก็ดีอย่างนี้นี่เอง) นี่ยังไม่นับสื่อจากที่อื่น ๆ ด้วยซ้ำไป

แม้ว่าจะมีทั้งคนที่ชอบและไม่ชอบในสไตล์การนำเสนอของเขา แต่สิ่งหนึ่งที่ Gary ได้พิสูจน์ให้ทุกคนเห็นแล้วว่า คอนเท้นต์ที่เขาขยันหมั่นเพียรทำออกมา ไม่ว่าจะเป็นบทความก็ดี วีดีโอก็ดี หนังสือก็ดี มันมีจำนวนอย่างมหาศาล ซึ่งมันไม่ใช่เกิดจากพรสวรรค์ แต่มันเกิดจากพรแสวงและการทำงานอย่างหนัก ทำให้โซเชียลมีเดียของเขาเติบโต และต่อยอดธุรกิจให้เติบโตแบบก้าวกระโดดในที่สุด

“I don’t think my ideas are worth sh*t until they’re executed”

ส่วนตัวแล้วผมคิดว่า ไอเดียนั้นไม่มีค่า ห่… อะไรเลย จนกว่าจะทำให้ไอเดียนั้นมันเป็นจริงขึ้นมาซะก่อน

– Gary Vaynerchuk –