Blue O'Clock

สตูดิโอผลิตและพัฒนาสื่อการเรียนรู้ด้านการลงทุน ธุรกิจ จิตวิทยาและการพัฒนาตนเอง อย่างไม่มีที่สิ้นสุด

How to

คิดแบบคนรวย vs คิดแบบคนจน สมการที่สามารถเปลี่ยนคนจนให้เป็นคนรวยได้

ในการเริ่มต้นทำธุรกิจอะไรสักอย่างนั้น ก็มักจะเริ่มจากการที่มีไอเดียดี ๆ สักไอเดียหนึ่ง แล้วคุณก็มักจะพูดกับตนเองว่า นี่มันเป็นไอเดียที่เจ๋งมาก ๆ ถ้าทำแล้วรวยแน่ ๆ ทำแล้วปังแน่ ๆ สักวันหนึ่งฉันจะต้องทำไอเดียนี้ให้เป็นจริงให้ได้ แต่แล้ว เช้าในวันหนึ่ง จู่ ๆ ก็มีธุรกิจใหม่เกิดขึ้นมาแล้วคุณก็พบว่า เฮ้ย! นี่มันไอเดียเราชัด ๆ มีคนตัดหน้าเอาไปทำก่อนแล้ว รวยก่อนแล้ว พวกนั้นขโมยไอเดียเราไปชัด ๆ แล้วคุณก็ได้แต่พูดกับตนเองว่า “รู้งี้ทำไปตั้งนานแล้ว” และหากคุณยังมีแนวความคิดแบบนี้อยู่ คุณจะไม่มีวันรวยได้เลย และนี่คือหลักคิดที่สามารถเปลี่ยนคนจนให้กลายเป็นคนรวยได้ในที่สุด

อันดับแรก คุณต้องเข้าใจก่อนว่า ในทางธุรกิจของโลกความเป็นจริงนั้น ไอเดียไม่ได้มีความสลักสำคัญอะไรสักเท่าไหร่นัก แต่สิ่งที่สำคัญกว่าไอเดียก็คือ Execution หรือแปลได้ว่า การลงมือทำให้มันเกิดขึ้นจริง โดยมันไม่สำคัญว่า ไอเดียนั้นใครจะเป็นคนคิดได้ก่อนหรือหลัง แต่มันสำคัญตรงที่ว่า ใครสามารถทำให้ไอเดียนั้นกลายเป็นจริงขึ้นมาได้ก่อนกันต่างหาก

ซึ่งส่วนประกอบสำคัญที่จะทำให้ไอเดียนั้นเกิดขึ้นจริง ก็มักจะประกอบไปด้วย การมีทีมงานที่ดี, การมีเวลาที่เหมาะสมและการอยู่ในอุตสาหกรรมที่ถูกต้อง

ทีนี้สูตรความสำเร็จระหว่างคนรวยกับคนจนนั้น มีสูตรเดียวกัน เพียงแต่ตัวแปรในสมการแตกต่างกัน ลองมาดูสมการกันว่า สมการแบบไหนที่คนจนใช้ และสมการแบบไหนที่คนรวยใช้กัน

สมมติว่า ไอเดียมีคะแนนเต็ม 10 โดยไล่จากน้อยไปมากจะได้ว่า

  • Bad Idea = 0
  • Weak Idea = 1
  • Average Idea = 3
  • Good Idea = 5
  • Great Idea = 7
  • Brilliant Idea = 10

และ Execution คือการลงมือทำให้ไอเดียเป็นจริง มีตัวแปรคือ

  • No Execution = 0
  • Weak Execution = 1,000
  • Average Execution = 10,000
  • Good Execution = 100,000
  • Great Execution = 1,000,000
  • Brilliant Execution = 10,000,000

ที่นี้ ลองมาดูสมการของฝั่งคนจนกันก่อนว่า พวกเขามีสมการแบบใด

สมมติว่า พวกเขาคิดว่า พวกเขามีไอเดียระดับ Brilliant Idea หรือไอเดียที่เจ๋งโคตร ๆ ไอเดียระดับอัจฉริยะหาใครเทียบไม่ได้ แต่พวกเขากลับไม่ลงมือทำอะไรเลยสักนิด สมการพวกเขาจะได้ว่า Brilliant Idea(10) x No Execution(0) ผลลัพธ์ที่ได้ก็คือ 0 บาทนั่นเอง เพราะมีไอเดียเจ๋ง ๆ แต่กลับไม่ลงมือทำอะไรเลย สุดท้ายไอเดียที่เจ๋ง ๆ เหล่านั้น ก็ถูกลืมและหายสาบสูญไปจากโลกนี้ในที่สุด

แต่ในขณะที่ฝั่งของคนรวยนั้น หากพวกเขาได้ไอเดียที่เจ๋งโคตร ๆ มาไว้อยู่ในมือ แล้วพวกเขาก็ตัดสินใจที่จะลงมือทำมันอย่างเข้มข้น ทำอย่างจริงจัง ลงทุน ลงแรงแบบสุดตัว เพื่อให้ไอเดียนั้นเกิดขึ้นจริงให้ได้ ทำให้สมการของเขาออกมาเป็น Brilliant Idea(10) x Brilliant Execution(10,000,000) = 100,000,000 บาทนั่นเอง

ซึ่งเอาเข้าจริง ในชีวิตจริงนั้น ไอเดียดี ๆ ไม่ได้มีมาบ่อย ๆ แต่สำหรับไอเดียระดับ Average Idea นั้น สามารถหาได้ทั่วไป และการลงมือทำระดับ Brilliant Execution ที่ต้องทุ่มสุดตัว ก็ไม่สามารถทำกันได้ทุกคน แต่ก็เพียงคุณตั้งใจทำมากพอ ทำให้ดีกว่าค่าเฉลี่ยทั่ว ๆ ไปสักหน่อย เมื่อบวกเข้ากับ Good Execution หรือ Great Execution สมการที่ออกมาก็คือ

  • Average Idea(3) x Good Execution(100,000) = 300,000
  • Average Idea(3) x Great Execution(1,000,000) = 3,000,000

ซึ่งคุณก็จะเห็นได้ว่า คุณก็สามารถสร้างเงินแสนเงินล้านได้โดยที่ไม่ต้องมีไอเดียเลิศเลอเพอร์เฟ็กต์อะไรมากมายนัก แต่หลายคนกลับรอไอเดียที่เพอร์เฟ็กต์ก่อนแล้วค่อยลงมือทำ จนสุดท้ายก็ไม่ได้ทำอะไรเป็นชิ้นเป็นอันสักกะที ดังนั้นขอเพียงคุณมีการลงมือทำอย่างจริง ฝึกฝนและพัฒนาทักษะการทำให้ดียิ่งขึ้น ให้ดีกว่ามาตรฐานของคนทั่ว ๆ ไป แล้วสามารถทำให้ไอเดียนั้นเป็นธุรกิจจริงขึ้นมาได้และในตลาดก็ยอมรับในไอเดียของคุณ คุณก็สามารถรวยได้เช่นกัน

Resource