Blue O'Clock

สตูดิโอผลิตและพัฒนาสื่อการเรียนรู้ด้านการลงทุน ธุรกิจ จิตวิทยาและการพัฒนาตนเอง อย่างไม่มีที่สิ้นสุด

How to

Robert Kiyosaki พ่อรวยสอนลูก คาดว่า Bitcoin จะทะลุ 30 ล้านบาทภายใน 5 ปีต่อจากนี้

หลังจากที่ Robert Kiyosaki เจ้าของผลงานเขียนหนังสือซีรี่ย์ชุด Rich Dad Poor Dad – พ่อรวยสอนลูก ได้เคยออกมาทำนายราคาของ Bitcoin ทาง Twitter เมื่อวันที่ 12 ธันวาคม ปี 2020 ว่าราคาของ Bitcoin จะพุ่งขึ้นเป็น $50,000 ภายในปี 2021 นี้ ซึ่งเพียงแค่ต้นปี 2021 ราคาของ Bitcoin ก็พุ่งขึ้นสูงสุดไปสูงกว่า $63,000 ซะอีก ส่วนราคาในไทยก็พุ่งสูงสุดไปอยู่ที่สูงกว่า 2 ล้านบาทต่อ 1 BTC (แหม่… รู้งี้)

และหลังจากที่เขาทายราคาถูก เขาก็ได้ถูกให้สัมภาษณ์ผ่านรายการ Kitco News เมื่อวันที่ 5 เมษายน 2021 โดยพิธีกรได้ถามเขาว่า ตอนนี้ราคาของ Bitcoin อยู่ที่ราคาประมาณ $50,000 – $60,000 นั้น ถ้าจะซื้อ ราคานี้ยังน่าซื้ออยู่ไหม?

ซึ่ง Robert Kiyosaki ก็ได้เล่าย้อนกลับไปว่า เขาซื้อ Bitcoin ตั้งแต่ราคา $9,000 แล้ว ซึ่งเหตุผลหลักที่เขาเลือกที่จะลงทุนใน Bitcoin ในช่วงนั้นก็เพราะ มีเหตุการณ์ Covid ระบาด ทำให้เศรษฐกิจของโลกถูก shut down ซึ่งตัวของเขาเองก็คิดเหมือนกับคนอื่น ๆ ทั่ว ๆ ไปว่า รู้งี้น่าจะซื้อตั้งแต่มันราคาแค่ 10 cents ซะก็ดี

ซึ่งพอราคาของ Bitcoin มันดีดขึ้นไป $50,000 – $60,000 มันเลยทำให้เขาดูหล่อขึ้นมาเลยทีเดียว ซึ่งอีกเหตุผลหนึ่งที่เขาคิดว่าสิ่งที่ทำให้ราคาของ Bitcoin พุ่งสูงขึ้นนั่นก็เป็นเพราะการที่รัฐบาลสหรัฐฯ ได้พยายามพิมพ์แบงค์ออกมากระตุ้นเศรษฐกิจมากจนเกินไป ซึ่งทำให้ค่าเงินของดอลล่าร์มันถูกลดทอนลง ส่งผลให้ Bitcoin และ Gold เป็นสิ่งที่น่าดึงดูดมากกว่าการเก็บเป็นเงินสดนั่นเอง

เขาได้พูดต่อว่า ณ เวลานี้ เป็นตลาดกระทิง ตลาดขาขึ้นของ Bitcoin อยู่ แต่ด้วยความร้อนแรงของมัน จะต้องถูกรัฐบาลเข้ามาแทรกแทรงอย่างแน่นอน และรุนแรงด้วย (ซึ่งล่าสุดเมื่อวันที่ 22 เมษายน 2021 รัฐบาลสหรัฐฯ ที่ขับเคลื่อนโดย Joe Biden อาจจะออกนโยบายเก็บภาษีจาก Bitcoin เพิ่มขึ้นจาก 20% เป็น 43.4% หรือเพิ่มขึ้นกว่า 2 เท่า ทำให้ราคาของ Bitcoin ร่วงลงไปต่ำกว่า $50,000 ภายในไม่กี่วันหลังจากนั้น)

และแม้ว่ารัฐบาลจะพยายามควบคุม Bitcoin ด้วยวิธีไหนก็ตาม พวกเขากำลังจะควบคุมสิ่งที่มันเป็นเรื่องใหญ่เกินกว่าจะควบคุมแล้วด้วยซ้ำ

และเมื่อเกิดวิกฤษเศรษฐกิจ ห้างร้านต่าง ๆ ถูกสั่งปิดหน้าร้าน เงินบำนาญก็กำลังจะหมด และผู้คนเงินก็เริ่มจะหมด และรัฐบาลพิมพ์แบงค์ดอลล่าร์ออกมากว่า $1.9 Trillion และด้วยวิธีการแก้ปัญหาเศรษฐกิจด้วยการพิมพ์เงินแบบนี้ ไม่เคยได้ผลดีเลย ซึ่งมันจะเป็นไปตามกฎของประโยคที่ว่า “Bad money drives out good.” ที่แปลได้ว่า “เงินเลวจะไล่เงินดีออกไป”

ซึ่งเป็นคำพูดของ Sir Thomas Gresham ที่เป็นพ่อค้าและนักการเงินชาวอังกฤษ ซึ่งทำงานให้กับกษัตริย์เอ็ดเวิร์ดที่ 6 ของอังกฤษ พระราชินีแมรี่ที่ 1และพระราชินีเอลิซาเบธที่ 1 ทำให้กลายเป็นกฏทางการเงินและกฏของเศรษฐศาสตร์นับตั้งแต่นั้นมา

โดยความหมายของประโยคดังกล่าวขยายความได้ว่า เมื่อรัฐบาลสร้างเงินอย่างหนึ่งให้มีค่าสูงกว่าความเป็นจริง และสร้างเงินอีกอย่างหนึ่งให้มีค่าต่ำกว่าความเป็นจริง เงินที่มีค่าต่ำกว่าความเป็นจริงจะหายออกจากประเทศ หรือถูกนำออกจากการหมุนเวียนในระบบเอาไปกักตุน ส่วนเงินที่มีค่าสูงกว่าความเป็นจริงจะหลั่งไหลเข้าไปในระบบ

ที่มา Thanong Fanclub

ยกตัวอย่างเช่นในอดีตระบบการเงินเคยใช้เงินตราหลายสกุล ไม่ว่าจะเป็น เหรียญทองคำ กับเหรียญเงิน ( silver ) โดยที่รัฐกำหนดค่าเสมอภาคเอาไว้ แต่ว่าค่าของโลหะเงินหรือโลหะทองนั้นอาจจะแปรผันไปได้ เช่น การค้นพบแหล่งโลหะเงินใหม่ เมื่ออุปทานของโลหะเงินเพิ่มขึ้น ค่าเงินก็จะลดลงไปโดยอัตโนมัติ ประชาชนก็จะไม่อยากเก็บเหรียญเงินแต่ว่าจะเก็บเหรียญทองคำ เมื่อประชาชนรับเหรียญเงินมาก็จะรีบจ่ายเหรียญเงินออกไป เพราะรู้ว่าค่าของโลหะเงินเสื่อม

ในท้ายที่สุดเงินตราที่แลกเปลี่ยนในท้องตลาดก็จะมีแต่เหรียญเงิน ไม่มีเหรียญทองคำ จึงเป็นที่มาของคำกล่าวว่า “เงินเลวไล่เงินดี” หรืออย่างในสมัยก่อนเราใช้เหรียญเงิน (silver) อย่างกว้างขวางในทุกประเทศ แต่พอมาถึงจุด ๆ หนึ่ง รัฐบาลก็ได้เปลี่ยนจาก เหรียญเงิน (silver) ไปใช้เหรียญที่ผลิตจาก นิคเกิล (nickle) หรือ เหล็กแทน พอประชาชนรู้ เหรียญเงินที่เคยมีหมุนเวียนอยู่ ก็ได้ถูกเก็บไว้ ประชาชนก็จะใช้แต่เงินเลวในการซื้อของจับจ่ายแทน แล้วเก็บเงินดีไว้ (silver) จากนั้นเงินดีก็เริ่มหายไปจากการหมุนเวียนทีละนิด จนท้ายสุดเงินเลวก็เข้ามาแทนเงินดี

ที่มา Siam Silver

ซึ่งนั่นมันทำให้คนประเภทเดียวกันกับเขา เริ่มที่จะสะสม Bitcoin มากยิ่งขึ้น และเขายังกล่าวด้วยอีกว่า เขาไม่มีแผนที่จะขายมันเลย

และในฐานะที่เขาเป็นนักลงทุนในด้านอสังหาริมทรัพย์ เมื่อใดก็ตามที่เขาต้องการเงินลงทุน เขาเลือกที่จะไปยืมและใช้จ่ายด้วยเงินกระดาษที่เขารียกมันว่า “Fake Money”

และแม้ว่า เขาจะเริ่มสนับสนุนในตัวของ Bitcoin มากยิ่งขึ้น แต่ด้วยความที่ Bitcoin มันพึ่งเกิดขึ้นมาบนโลกใบนี้ได้ไม่นาน มันจึงต้องใช้เวลาพิสูจน์ตัวเองอีกพักใหญ่ ๆ ซึ่งส่วนตัวเขาเองนั้นเขาชอบที่จะลงทุนใน Gold และ Silver มากกว่า เพราะมันได้รับการยอมรับจากคนทั่วโลกเป็นเวลาอย่างยาวนานหลายยุคหลายสมัยแล้ว

I think it’s going to $1.2 million in five more years.

Robert Kiyosaki

และเขาคิดว่า ราคาของ Bitcoin นั้น มันจะขึ้นไปที่ $1.2 ล้านดอลล่าร์ฯ ต่อ 1 BTC หรือประมาณ 37 ล้านบาท ภายใน 5 ปี หรืออาจจะมากกว่านั้น ซึ่งเขาอาจจะคิดถูกหรือคิดผิดก็เป็นได้ เพราะไม่มีใครหยั่งรู้อนาคต


กระดานซื้อขายแลกเปลี่ยน Bitcoin & Cryptocurrency

อันดับ 1 ของไทย คนส่วนใหญ่นึงถึง Bitkub

อันดับ 1 ของอเมริกา คนส่วนใหญ่นึกถึง Coinbase

อันดับ 1 ของโลก คนส่วนใหญ่นึกถึง Binance


*หมายเหตุ: นี่ไม่ใช่ content แนะนำในการลงทุนใด ๆ เป็นเพียงข้อมูลฐานทั่วไปเท่านั้น โดยนักลงทุนควรศึกษาเพิ่มเติมด้วยตนเองก่อนที่จะตัดสินใจลงทุนใด ๆ ด้วยตัวของท่านเอง

Resources