Blue O'Clock

สตูดิโอผลิตและพัฒนาสื่อการเรียนรู้ด้านการลงทุน ธุรกิจ จิตวิทยาและการพัฒนาตนเอง อย่างไม่มีที่สิ้นสุด

How to

10 สิ่งที่ผู้ประกอบการหน้าใหม่มักทำผิดพลาด by Noah Kagan

Noah Kagan คืออดีตพนักงานคนที่ 30 ของ Facebook ที่ออกมาทำธุรกิจของตัวเองเจ้าของเว็บไซต์ Appsumo.com จนกลายเป็นเศรษฐีเงินล้านได้ด้วยตนเองได้ในที่สุด

และในโพสต์นี้เขาก็จะมาแชร์ว่า ในเส้นทางนายตัวเองนั้น มีอะไรบ้างที่ผู้ประกอบการหน้าใหม่มักทำผิดพลาดมากที่สุด บ่อยที่สุด และเป็นเหตุผลที่อาจทำให้ธุรกิจล่มจมได้ที่สุด

ความผิดพลาดที่ 1 – พวกเขามักใช้เวลากับธุรกิจที่ไม่ทำเงินเกินกว่า 1 เดือน

ธุรกิจคือการซื้อขาย และถ้าคุณไม่มีลูกค้าเลยสักกะคน มันก็ไม่มีใครที่จะจ่ายเงินให้กับคุณ ซึ่งนั่นมันทำให้ธุรกิจไปต่อไม่ได้ ดังนั้น หากอะไรก็ตามที่คุณกำลังพยายามทำอยู่ แล้วคุณใช้เวลาในการหาลูกค้ารายแรกเกิน 1 เดือนขึ้นไป นั่นอาจเป็นสัญญาณว่า ธุรกิจที่คุณเลือกทำนั้นมันอาจไม่เวิร์ค แต่ที่มันเวิร์คแน่ ๆ คือค่าใช้จ่ายรายเดือน ที่อาจมีทั้ง ค่าเช่าออฟฟิศ ค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าอินเตอร์เน็ต ค่าแรงพนักงาน

หลายคนอาจตกหลุมพรางที่ว่า ฉันมีรายชื่อลูกค้าอยู๋ในมือนับพัน ฉันมีผู้ติดตามบน Youtube, Facebook, Instagram หรือไม่ก็ Tiktok รวม ๆ แล้วนับหมื่น นับแสนคน แต่คำถามสำคัญกว่าก็คือ แล้วคุณทำเงินจากโซเชียลมีเดียเหล่านั้นได้เท่าไหร่?

ถ้าคำตอบคือ 0 บาท นั่นเท่ากับว่า กำลังมีบางสิ่งบางอย่างผิดปกติอย่างแน่นอน เพราะคุณอาจกำลังพยายามที่จะขายหรือยื่นข้อเสนอต่อกลุ่มผู้ติดตามของคุณด้วยผลิตภัณฑ์ สินค้าหรือบริการที่พวกเขาไม่ได้ต้องการ ดังนั้น ต่อให้มีผู้ติดตามเป็นล้านคน ก็อาจทำเงินแทบไม่ได้เลยก็เป็นได้

ซึ่งการค้นหาสินค้าหรือบริการที่น่าจะตอบโจทย์และตรงใจกับลูกค้ามากที่สุดก็คือ การถามคำถามกับกลุ่มผู้ติดตามหรือกลุ่มลูกค้าของคุณตรง ๆ เลย ซึ่งตรงนี้หลายคนอาจจะไม่ค่อยสบายใจที่ต้องถามคำถามเหล่านี้ เพราะเขินอาย หรือกลัวการถูกปฏิเสธและความผิดหวัง

โดย Noah Kagan ก็แนะนำวิธีการฝึกให้ชินกับการถูกปฏิเสธด้วยการ ฝึกการต่อราคาทุกครั้ง ทุกที่ที่คุณกำลังจะซื้อสินค้าหรือบริการจากใครสักคน ไม่ว่าจะเป็นร้านกาแฟ ซื้อของออนไลน์ อะไรก็แล้วแต่ เพราะคำตอบที่คุณจะได้รับมากที่สุดจากพ่อค้าแม่ค้าก็คือ ลดไม่ได้แล้วครับ/ค่ะ ซึ่งถามว่าคุณเดือดร้อนอะไรไหม? ก็ไม่ เพราะของบางสิ่งต่อให้พวกเขาไม่ลดราคาคุณก็ซื้ออยู่แล้ว แต่ถ้าต่อราคาได้ก็จะยิ่งดีเข้าไปใหญ่

ความผิดพลาดข้อที่ 2 – พวกเขามีไอเดียไปเรื่อย แต่ไม่ยอมลงมือทำสักกะที

พวกเขามักตกหลุมพรางด้วยประโยคที่ว่า “ฉันมีไอเดียที่เจ๋งมาก มันต้องเวิร์คแน่ ๆ” แล้วประโยคต่อมาก็จะเป็น “ฉันมีไอเดียที่ 2 ที่เจ๋งมาก มันต้องเวิร์คแน่ ๆ” “ฉันมีไอเดียที่ 3 ที่เจ๋งมาก มันต้องเวิร์คแน่ ๆ” เป็นแบบนี้ไปเรื่อย ๆ

ซึ่งหลายต่อหลายครั้ง คนที่ร่ำรวยและประสบความสำเร็จอย่างสูงนั้น พวกเขามองว่า ไอเดีย เป็นของราคาถูก เพราะถ้าหากไม่สามารถทำให้ไอเดียนั้นเป็นจริงขึ้นมาได้ นั่นเท่ากับว่า ไอเดียนั้นมีค่าเป็น “ศูนย์” ซึ่งต่อให้ไอเดียจะบรรเจิดเลิศเลอแค่ไหน ได้คะแนนเต็มร้อยยังไง ถ้าไม่สามารถนำมันมาลงมือทำให้เกิดขึ้นจริงได้ ก็ไม่มีความหมายใด ๆ เลย

ดังนั้นวิธีแก้ปัญหาหากตอนเริ่มต้นคุณมีไอเดียหลากหลาย ก็ให้โพสต์ถามกับกลุ่มผู้ติดตามหรือกลุ่มลูกค้าของคุณไปเลยว่า พวกเขาชอบไอเดียไหนมากกว่ากัน แล้วลองลงมือทำไอเดียนั้นอย่างจริงสักไอเดียนึง สักเดือนนึงดูก่อน แล้วเรียนรู้สิ่งที่ได้จากการที่คุณพยายามผลักดันไอเดียนั้นให้เป็นจริงขึ้นมา

ความผิดพลาดข้อที่ 3 – พวกเขาพยายามขายสินค้าให้กับทุกคนยกเว้นแต่ผู้ที่ติดตาม

เหตุผลก็คือ พวกเขากลัวความล้มเหลว พวกเขากลัวที่จะถูกแฟน ๆ ปฏิเสธ และพวกเขากลัวที่ถูกเกลียดจากผู้ที่ติดตาม เพราะการขายของให้กับคนที่ไม่รู้จักนั้น สิ่งที่พวกเขารู้สึกก็คือ พวกเขาไม่ต้องแบกรับความรู้สึกผิด หากพวกเขาขายของไม่ได้ แถมในยุคนี้ที่คนเราขายของผ่านอินเตอร์เน็ต ไม่ต้องรู้จักหน้าคร่าตา อยู่หลังแป้นคีย์บอร์ด ก็ไม่ต้องรู้สึกเขินอายอะไร หากคนที่ไม่รู้จักจะรู้สึกไม่ดี

ดังนั้น หากคุณต้องการทำยอดขาย จงเข้าหาคนที่รู้จักคุณ ก็คือเหล่าบรรดาแฟนคลับ ผู้ติดตามและลูกค้าเก่าของคุณ แล้วก็ถามเขาไปตรง ๆ เลย ซึ่งแน่นอนว่า ไม่ใช่ทุกคนที่จะอุดหนุนคุณหรือยอมจ่ายเงินเพื่อซื้อสินค้าหรือบริการจากคุณทั้งหมดอยู่แล้ว แต่ก็เป็นกลุ่มที่มีโอกาสซับพอร์ทแบรนด์คุณมากกว่าคนแปลกหน้าที่ไม่รู้จักกันอย่างแน่นอน

ความผิดพลาดข้อที่ 4 – พวกเขาใช้จ่ายเกินกว่า 30,000 บาท ในการเริ่มต้นทำธุรกิจแต่กลับสร้างรายได้ 0 บาท

ไม่ว่าจะใช้จ่ายในเรื่องของ จ้างทำโลโก้ นามบัตร เอกสาร โปรแกรม หรือบริการอะไรก็ตามแต่ ซึ่ง Noah Kagan เขาเคยได้รับอีเมลฉบับหนึ่ง โดยเธอส่งไอเดียในการสร้างแอพสำหรับคนที่ต้องการขี่ม้าขึ้นมา ซึ่งเขาก็เห็นว่ามันเป็นไอเดียที่ยอดเยี่ยม เขาจึงถามเธอกลับไปว่า แล้วยังไงต่อ เธอจึงตอบกลับมาว่า เธอจะต้องใช้เงินลงทุนประมาณ $150,000 หรือราว ๆ 4.5 ล้านบาทไปกับการจ้างทีมพัฒนาแอพพลิเคชั่น โดยจะใช้เวลาในการเปิดตัวประมาณ 6-12 เดือน นั่นเท่ากับว่าเธอทำข้อผิดพลาดก่อนหน้านี้ที่ Noah Kagan เคยกล่าวเอาไว้เกือบทั้งหมด

ซึ่งสิ่งที่คุณจะต้องทำจริง ๆ ก่อนสร้างแอพหรือสร้างธุรกิจก่อนเลยก็คือ การเข้าไปสำรวจและสอบถามลูกค้าโดยตรงว่ามีอะไรที่พวกเขาต้องการให้ช่วยบ้าง แล้วค่อยเริ่มสร้างแอพจากจุด ๆ นั้น เพราะการทำธุรกิจที่ดีคือลูกค้าต้องมาก่อนเป็นอันดับแรก (Customer First) และคุณควรหาลูกค้าให้ได้อย่างน้อย 3 คน ภายใน 48 ชั่วโมง ถึงค่อยไปคิดเรื่องสร้างแอพต่อ

ความผิดพลาดข้อที่ 6 – ชอบโทษว่าเศรษฐกิจไม่ดี

หากใครก็ตามที่กำลังเจอกับภาวะเศรษฐกิจที่ถดถอย ไม่ว่าจะเป็นวิกฤตแฮมเบอร์ วิกฤตต้มยำกุ้ง หรืออย่างวิกฤต COVID-19 แล้วโทษว่าสิ่งเหล่านี้เป็นต้นเหตุที่ทำให้ตกงานหรือธุรกิจเจ๊ง นั่นแสดงว่าธุรกิจที่พวกเขาสร้างขึ้นมานั้นยังไม่ดีพอ

ดังนั้นไม่ว่าจะเกิดปัญหาอะไรขึ้น ในฐานะที่คุณเป็นเจ้าของธุรกิจ คุณจำเป็นที่จะต้องรับผิดชอบด้วยตัวคุณเองอย่าโทษคนอื่น ต้องหาวิธีแก้ปัญหาแล้วผ่านพ้นมันไปให้ได้

และจงถามคำถามนี้กับตนเองเสมอว่า หากในวันนี้ธุรกิจของเรานั้นหายไป ลูกค้าจะแคร์คุณหรือไม่? ถ้าคำตอบคือ “ไม่” นั่นแสดงให้เห็นว่าธุรกิจของเรามันก็แค่ของดาด ๆ ที่หากหายไปก็ไม่เดือดร้อนใครอยู่ดี

โดยมีกรณีศึกษาของธุรกิจเจ้าหนึ่งที่ชื่อ The Mobberley Ice Cream Company ที่ขายไอศกรีมแบบโฮมเมด โดยพวกเขาได้ออเดอร์ด้วยการเปิดรับ Pre-order ผ่านแฟนเพจเฟสบุ๊คและอินสตาแกรม ได้ออเดอร์ราว ๆ $8,000 หรือประมาณ 240,000 บาท ก่อนที่พวกเขาจะซื้อเครื่องทำไอศกรีมกับส่วนผสมซะอีก อีกทั้งพวกเขาก็ยังไม่มีทั้งนามบัตรและเว็บไซต์ของตัวเองเลยด้วยซ้ำ จะเห็นได้ว่าการทำธุรกิจที่ดีคุณจะต้องหาลูกค้าให้ได้ก่อนที่จะผลิตสินค้า ซึ่งสินค้าอาจไม่จำเป็นที่จะต้องแปลกแหวกแนวสุดขั้ว อย่างธุรกิจนี้ก็เป็นเพียงธุรกิจไอศกรีมโฮมเมดธรรมดา ๆ ทั่ว ๆ ไป จงจำเอาไว้ว่า “Customer First”

ความผิดพลาดข้อที่ 7 – ซื้อคอร์สและลงเรียนมากเกินไป

หลายคนคิดว่าความสำเร็จคือการไปเอาสูตรลับมาจากข้างนอกซะเป็นส่วนใหญ่ พวกเขาจึงไปลงเรียนคอร์สมากมาย ซื้อหนังสือมากมาย แล้วก็ใช้เวลาส่วนใหญ่หมดไปกับการเรียนการศึกษา แล้วสุดท้ายก็ลงเอยด้วยการสร้างยอดขายกับธุรกิจใหม่เป็นจำนวนศูนย์บาท เพราะไม่ยอมลงมือทำสักกะที พวกเขาเอาแต่ว่าเรียนอีกคอร์สฉันน่าจะรู้เยอะขึ้น แล้วฉันค่อยเริ่มต้นทำธุรกิจน่าจะดีกว่า เป็นแบบนี้ไปเรื่อย ๆ

ดังนั้นวิธีการก็คือ ให้คุณหยุดซื้อคอร์สและหนังสือใหม่ก่อน เอาเท่าที่มีอยู่ ณ ตอนนี้ แล้วเอาเวลาส่วนใหญ่ไปหาลูกค้า แล้วพอได้ลูกค้าเข้ามาแล้ว ค่อยแบ่งเงินไปซื้อคอร์สเพิ่ม ซื้อหนังสือใหม่เพิ่ม เพื่อเป็นรางวัลสำหรับตัวเองที่ชอบการเรียนรู้ แล้วก็ใช้เกร็ดความรู้จากคอร์สใหม่ จากหนังสือใหม่ ไปทำให้ยอดขายมันค่อย ๆ เพิ่มขึ้น และสิ่งที่สำคัญกว่านั้นก็คือ ทำทันที ทำวันนี้เลย

ความผิดพลาดข้อที่ 8 – ถอดใจยอมแพ้เร็วเกินไป

ตัวของ Noah Kagan เองเขาก็เป็น จากที่เขาทำ Podcast บน iTune และ วีดีโอบน Youtube ซึ่งสำหรับ Podcast เขาตั้งใจและใช้เวลาทำกว่า 8 เดือน แต่กลับได้ยอดดาวน์โหลดแค่ 30,000 ครั้ง แทนที่จะได้สัก 100,000 ดาวน์โหลด ส่วน Youtube แทนที่จะมีคนติดตามสัก 100,000 sub ก็มีแค่ 80,000 sub นั่นก็ทำให้เขาหมดกำลังใจอยู่เหมือนกัน จนเขาตระหนักได้ว่า โดยปกติแล้วคนเราชอบอะไรที่มันน่าตื่นเต้น น่าสนุก แต่ความสำเร็จนั้นมันคือสิ่งที่น่าเบื่อ ที่ต้องทำในสิ่งที่จำเจ ต้องใช้วินัยสูง ดังนั้นมันไม่ใช่การล้มเหลว แต่มันแค่ยังมาไม่ถึงต่างหาก สู้ต่อไป

ความผิดพลาดข้อที่ 9 – ไม่ยอมลงทุนในระหว่างวันทำงาน

หากคุณไม่ใช่สายอาชีพผู้ประกอบการมาตั้งแต่วันแรกที่เรียนจบ คุณก็ต้องผ่านการทำงานประจำกันมาซะส่วนใหญ่ ซึ่งสิ่งที่หลายคนมักจะได้ยินก็คือ หากอยากเป็นนายตัวเองก็ลาออกจากงานประจำมาลุยทำธุรกิจเลยสิ ซึ่งนั่นมันไม่ใช่ความคิดที่ดีเอาซะเลย

เพราะแน่นอนว่า โอกาสในการล้มเหลวในการทำธุรกิจนั้นมีสูงกว่างานประจำเห็น ๆ ซึ่ง Noah Kagan ก็เห็นด้วย เพราะในระหว่างที่เขาซุ่มทำโปรเจคเพื่อเปิดบริษัทของตนเอง ในระหว่างที่ปลุกปั้นอยู่นั้น เขาก็รับจ๊อบอื่นพร้อมกันไปด้วย เพราะรู้ ๆ กันอยู่ว่า ในช่วงแรก ๆ ของการทำธุรกิจ รายได้มันไม่พอค่าใช้จ่ายอย่างแน่นอน ดังนั้น เพื่อไม่ให้ตัวเองต้องอยู่อย่างอด ๆ อยาก ๆ ก็ต้องมีงาน มีเงินที่เพียงพอต่อการใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน ที่ต้องสามารถมอบปัจจัย 4 ได้ดีในระดับหนึ่งก่อน เพราะกองทัพต้องเดินด้วยท้อง

และในเมื่อเวลาในแต่ละวันของแต่ละคนก็มีเท่ากันอยู่ที่วันละ 24 ชั่วโมง โดยทำงานปกติ 8 ชั่วโมง นอน 8 ชั่วโมง และ 8 ชั่วโมงที่เหลือในแต่ละวันนี่แหละ นี่จะวัดกันว่าแต่ละคนเอาไปทำอะไร และแน่นอนว่า คนที่เอาเวลา 8 ชั่วโมงหลังไปซุ่มปลุกปั้นธุรกิจอยู่ ก็มีโอกาสที่จะประสบความสำเร็จได้สูงกว่าคนที่เอาเวลาไปกินเที่ยวเล่นอย่างแน่นอน

และเมื่อธุรกิจที่คุณซุ่มทำมันเริ่มสร้างรายได้ได้มากกว่าเงินที่ได้รับจากงานประจำ คุณค่อยตัดสินใจที่จะอยู่ต่อหรือออกมาทำธุรกิจเต็มตัวก็ยังไม่สาย

ความผิดพลาดข้อที่ 10 – เห็นคนอื่นทำแล้วรวยก็หันไปทำบ้าง

เวลาที่คุณเห็นคนอื่นโพสต์ร่ำรวย ประสบความสำเร็จบนโซเชียลมีเดียในอาชีพต่าง ๆ คุณก็อยากจะหันไปทำกับเขาบ้างไม่ว่าจะเป็น ขายครีมออนไลน์, ทำอสังหาฯ, เทรดเหรียญ Crypto, เป็น Youtuber หรืออะไรก็แล้วแต่ สิ่งเหล่านั้นล้วนแล้วต้องใช้เวลาลงมือลงแรงทำมันเป็นระยะเวลาที่ยาวนานแทบทั้งสิ้น ยกตัวอย่างเช่น Youtuber ตัวท็อป ๆ ของเมืองไทยที่เราเห็นว่าเขาซื้อบ้าน ซื้อรถหรูได้นั้น เราเห็นโพสต์เขาประสบความสำเร็จในวันนี้ แต่แท้ที่จริงแล้ว พอลองย้อนกลับไปดูประวัติของแต่ละคนนี่ทำกันมาเกือบสิบปีแทบทั้งสิ้น บางคนก็เกินสิบปีซะด้วยซ้ำ ซึ่งที่พวกเขาเลือกอาชีพเหล่านี้ก็เพราะมันตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์และเป้าหมายของพวกเขา แต่อาจไม่ตอบโจทย์เราก็เป็นได้

ดังนั้นสิ่งที่คุณควรทำมากกว่าก็คือ การเรียนรู้จากตัวท็อปในแต่ละวงการ แล้วนำข้อคิดที่คุณได้จากพวกเขาเหล่านั้น นำมาปรับใช้ให้เหมาะสมกับตัวเรา กับธุรกิจของเรา กับไลฟ์สไตล์ของเรามากกว่า

Resources