Blue O'Clock

สตูดิโอผลิตและพัฒนาสื่อการเรียนรู้ด้านการลงทุน ธุรกิจ จิตวิทยาและการพัฒนาตนเอง อย่างไม่มีที่สิ้นสุด

How to

7 คำแนะนำการเงินที่ดีที่สุดที่พวกเขาเคยได้รับมาในชีวิตนี้ | Money Back to Basic EP.1

การเงินเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับทุกคนตั้งแต่เกิดยันตาย แต่กลับไม่มีสอนในโรงเรียนซะอย่างงั้น และนี่ก็คือเรื่องเล่าจากผู้เชี่ยวชาญด้านการเงินทั้ง 7 คน ที่พวกเขาจะมาแชร์ว่าคำแนะนำที่เกี่ยวกับเรื่องของเงินที่ดีที่สุดในชีวิตที่พวกเขาเคยได้รับมา

คำแนะนำที่ 1 – Ben Stein นักแสดงและนักเขียนชื่อดังชาวอเมริกัน ที่ ณ ปี 2020 เขามีทรัพย์สินอยู่ที่ $20 ล้านเหรียญฯ ได้เล่าให้ฟังว่า

คำแนะนำเกี่ยวกับเรื่องการเงินที่ดีที่สุดนั้น เขาได้รับคำแนะนำจากคุณพ่อของเขา ซึ่งเขาพูดว่า จงรอบคอบทุกเรื่องที่เกี่ยวกับเรื่องของการเงิน

ซึ่งเมื่อตอนที่เขาคิดกำลังจะซื้ออสังหาฯ ที่หรูหราและฟุ่มเฟือยเป็นอย่างมาก ทั้ง ๆ ที่เขาจะใช้มันเพื่อเป็นบ้านพักตากอากาศสุดหรูและจะเข้าพักเพียงไม่กี่คืนต่อปีเท่านั้นเอง พ่อของเขาก็พูดออกมาด้วยน้ำเสียงธรรมดา ๆ ว่า คิดให้รอบคอบก่อนซื้อนะลูก

ซึ่งทำให้เขาคิดอย่างรอบคอบขึ้น โดยเมื่อพิจารณาให้รอบคอบแล้วเขาก็พบว่า บ้านพักหลังนี้อยู่ในย่านสลัมที่มีอัตราการปล้นชิงทรัพย์และอาชญากรรมที่ค่อนข้างสูง ดังนั้นแม้ว่าบ้านพักจะได้พื้นที่กว้างใหญ่ในราคาที่ถูก เขาก็ไม่อยากที่จะไปอยู่ในย่านนั้นอยู่ดี

คำแนะนำที่ 2 – Meredith Whitney นักธุรกิจหญิงชาวอเมริกันที่ได้รับฉายาว่า “The Oracle of Wall Street” ที่ ณ ปี 2020 เธอมีทรัพย์สินอยู่ที่ $10 ล้านเหรียญฯ ได้เล่าให้ฟังว่า

คำแนะนำเกี่ยวกับเรื่องการเงินที่ดีที่สุดที่เธอเคยได้รับ เธอได้รับจากคุณปู่ของเธอเอง นั่นก็คือ คุณไม่สามารถสร้างเงินได้ถ้าหากคุณยังติดหนี้คนอื่นอยู่ ดังนั้นคุณปู่ของฉันจึงเป็นคนที่เข้มงวดมากเกี่ยวกับคนที่เป็นหนี้ และฉันก็ยึดถือหลักปฏิบัติตามคุณปู่ของฉัน

โดยหนี้ทั้งหมดของฉัน ฉันสามารถใช้มันหมดตั้งแต่ในช่วงอายุยี่สิบกลาง ๆ และนับตั้งแต่นั้นมา ฉันก็สามารถเดินหน้าลุยได้อย่างเต็มที่โดยไม่ต้องคอยห่วงหน้าพะวงหลังเกี่ยวกับการเงินอีกเลย

คำแนะนำที่ 3 – Dan Ariely ศาตราจารย์ด้านจิตวิทยาและเศรษฐศาสตร์พฤติกรรมที่มหาวิทยาลัย Duke University เจ้าของผลงานเขียน Bestseller ที่ชื่อ Predictably Irrational พฤติกรรมพยากรณ์ ที่ ณ ปี 2020 เขามีทรัพย์สินอยู่ที่ $1 ล้านเหรียญฯ ได้เล่าให้ฟังว่า

เขาเคยได้รับคำแนะนำเกี่ยวกับการเงินจากศาตราจารย์คนหนึ่งของเขา เมื่อตอนที่เขาพึ่งเรียนจบและกำลังเริ่มต้นเข้าทำงานครั้งแรก โดยศาสตราจารย์บอกเอาไว้ว่า รายได้ของคุณจะเพิ่มขึ้นแบบทวีคูณอย่างรวดเร็ว จากการเปลี่ยนสถานะนักศึกษาไปเป็นอาจารย์ และสิ่งที่จะตามมาก็คือ เมื่อคุณมีรายได้เพิ่มมากขึ้น คุณก็จะยิ่งอยากมีสิ่งของต่าง ๆ มากยิ่งขึ้น แต่สิ่งที่เกิดขึ้นก็คือ แม้ว่าคุณจะซื้อสิ่งของที่คุณอยากได้มาก ณ ตอนนั้น และมีความสุขมากเมื่อได้สิ่งนั้นมาครอบครอง แต่ในเวลาไม่นานนับจากนั้น ความสุขที่คุณเคยมีพรุ่งพรวดก็กลับกลายเป็นความชินชา เฉยฉาปกติราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น ซึ่งมันเป็นเพียงความสุขประเดี๋ยวประด๋าวไม่ยั่งยืน

ดังนั้นจงทบทวนให้ถี่ถ้วนว่า เงินซื้อความสุขได้จริงหรือไม่ และความสุขที่ซื้อมานั้นเป็นความสุขที่ยั่งยืนหรือไม่

คำแนะนำที่ 4 – Alexa Von Tobel เจ้าของเว็บไซต์ LearnVest.com เว็บไซต์การเงินส่วนบุคคล ที่ ณ ปี 2020 เขามีทรัพย์สินอยู่ที่ $100 ล้านเหรียญฯ ได้เล่าให้ฟังว่า

คำแนะนำเกี่ยวกับเรื่องการเงินที่ดีที่สุดที่เธอเคยได้รับก็คือ คุณจำเป็นที่จะต้องดูทุกรายการการใช้จ่ายที่เกิดขึ้นของตัวคุณเอง ที่เมื่อเงินเดือนของฉันออกแล้วหากฉันต้องการซื้อกระเป๋าใบใหม่ราคาประมาณ $300 ดอลล่าร์ หรือประมาณเก้าพันกว่าบาทในวันนี้ ฉันจะเสียโอกาสในการทำให้เงินงอกเงยสำหรับบัญชีเพื่อการเกษียณในอนาคตเท่าไหร่ ซึ่งเงินก้อนนี้มันอาจส่งผลกระทบให้บัญชีเพื่อการเกษียณอายุในอีกหลายสิบปีข้างหน้าของฉันสูญเสียโอกาสในการทำให้เงินงอกเงยสูงถึง $20,000 หรือกว่าหกแสนบาทก็เป็นได้ เพราะเมื่อฉันมีอายุที่มากขึ้น ฉันก็อยากใช้ชีวิตที่มั่งคั่ง ยิ่งใหญ่สมฐานะมากยิ่งขึ้น ดังนั้นฉันเต็มใจที่จะเสียสละความหรูหราฟุ่มเฟือยในวันนี้เพื่อความสุขสบายในวันข้างหน้า

คำแนะนำที่ 5 – Kelly Phillips Erb เจ้าของเว็บไซต์ Taxgirl.com ผู้เชี่ยวชาญด้านภาษี ได้เล่าให้ฟังว่า

คำแนะนำการเงินที่ดีที่สุดที่เธอเคยได้รับก็คือ อย่ากลัวที่จะใช้จ่ายเงิน ซึ่งมันอาจจะฟังดูแล้วเป็นคำแนะนำที่แปลกสักหน่อย เพราะคนส่วนใหญ่มักจะแนะนำให้คุณประหยัดเงินและเก็บหอมรอมริบเอาไว้ซะมากกว่า แต่ในหลาย ๆ ครั้ง คุณสามารถประหยัดได้โดยการใช้จ่ายเงินในสิ่งที่สมควรจะต้องจ่าย เช่น จ่ายเงินเพื่อการศึกษา, จ่ายเงินเพื่อซื้ออสังหาฯ หรือเพื่อซื้อหุ้นดี ๆ หรือไม่ก็จ่ายเพื่อการลงทุนในธุรกิจ เพราะมันสามารถสร้างโอกาสทำให้เงินงอกเงยได้ดีกว่าการประหยัดอดออมเพียงอย่างเดียว

คำแนะนำที่ 6 – Ramit Sethi ผู้ประกอบการและผู้เชี่ยวชาญด้านการเงินส่วนบุคคล เจ้าของผลงานเขียน Bestsellers ที่ชื่อ I will teach you to be rich : ผมจะสอนให้คุณรวย ที่ ณ ปี 2020 เขามีทรัพย์สินอยู่ที่ $25 ล้านเหรียญฯ ได้เล่าให้ฟังว่า

คำแนะนำเกี่ยวกับเรื่องการเงินที่ดีที่สุดที่เขาเคยได้รับก็คือ คำแนะนำเรื่องการเงินที่แย่ที่สุด โดยในสื่อต่าง ๆ ทั้งออนไลน์และออฟไลน์ ผู้คนมักจะพูดถึงเกี่ยวกับลาเต้เอฟเฟ็ค ที่คุณอาจเคยผ่านหูผ่านตามาบ้างนั่นก็คือ การหยุดกินกาแฟในวันนี้ อาจทำให้คุณกลายเป็นเศรษฐีเงินล้านในวันข้างหน้า ซึ่งตัวของเขาเองก็ได้ลองทำดู แต่ก็ไม่ได้หักดิบซะทีเดียว เขาเริ่มต้นจากการลดดื่มกาแฟแก้วละร้อยที่ starbucks แล้วหันมาดื่มโค้กกระป๋องเล็ก ๆ กระป๋องละสิบกว่าบาท ทั้ง ๆ ที่ดูดจื้ดเดียวก็หมดแล้ว บางทีเขาก็อดไม่ได้ที่จะซื้อโค้กขวดลิตรขวดละสาบสิบกว่าบาทมาดื่มแทน เพราะอย่างน้อยปริมาณก็เยอะกว่า แถมยังถูกกว่ากาแฟอีกตั้งเยอะ แต่จนแล้วจนรอดเขาก็อดไม่ได้ที่จะกลับไปดื่มกาแฟอย่างเดิม แถมตอนนี้ดื่มหนักกว่าเก่า จากเดิมวันละแก้ว บางวันดวดไปเลย เช้า กลางวัน เย็น ก่อนนอน

ซึ่งบทเรียนนี้ทำให้เขาเรียนรู้ว่า คำแนะนำเหล่านี้บนอินเตอร์เน็ตที่ในหลาย ๆ ครั้งคำแนะนำเหล่านี้คนที่บอก ยังไม่เคยทดลองกับตนเองด้วยซ้ำไป ซึ่งคำแนะนำเหล่านี้ทำให้ตัวของเขาตระหนักได้ว่า คำแนะที่ไม่ดีนั้นมันอาจส่งผลเสียให้กับผู้อื่นได้ในวงกว้าง ทำให้เขาหันมาให้ความสนใจเกี่ยวกับเรื่องของจิตวิทยาของเงินและจิตวิทยาของพฤติกรรมของมนุษย์ และนี่คือที่มาของคำแนะนำที่แย่ที่สุด มันนำพาให้เขาไปค้นคว้าหาความรู้เกี่ยวกับเรื่องของการเงินที่ดีที่สุดได้นั่นเอง

คำแนะนำที่ 7 – Jack Bogle นักลงทุนผู้ก่อตั้งบริษัท The Vanguard Group ที่ ณ ปี 2020 เขามีทรัพย์สินอยู่ที่ $111 ล้านเหรียญฯ ได้เล่าให้ฟังว่า

ย้อนกลับไปเมื่อปี 1949 ตอนที่เขาอายุได้ประมาณ 20 ปี ตอนที่เขาเริ่มทำงานที่บริษัทนายหน้าเล็ก ๆ แห่งหนึ่งใน Philadelphia ที่ต้องติดต่อกับหลาย ๆ บริษัท จนกระทั่งเขาได้รับคำแนะนำจากคนที่ชื่อ เรย์ ว่า Bogle ฉันจะบอกอะไรให้อย่างหนึ่งที่อาจเป็นคำแนะนำที่ดีสุดในชีวิตของนายที่เคยได้ยินมาเลยก็ว่าได้ นั่นก็คือ “Nobody Knows Nothing” ที่หมายถึง ไม่มีใครที่รู้ไปซะทุกเรื่อง ซึ่งความหมายที่แท้จริงของมันก็คือ การลงทุนในหุ้นนั้น นักเดิมพันคนหนึ่งอาจจะคิดถูก และนักเดิมพันอีกคนหนึ่งอาจจะคิดผิด เพราะต่างก็ไม่มีใครที่จะหยั่งรู้เหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นในอนาคตได้ ไม่ว่าจะเป็นการซื้อหุ้นระยะสั้นแบบ short term หรือซื้อหุ้นระยะยาวแบบ long Term ก็ตามที

Resources