Blue O'Clock

สตูดิโอผลิตและพัฒนาสื่อการเรียนรู้ด้านการลงทุน ธุรกิจ จิตวิทยาและการพัฒนาตนเอง อย่างไม่มีที่สิ้นสุด

Quote

100 ข้อคิด จาก ทิม พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ | Blue O’Clock Podcast EP. 54

ทิม พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ นักธุรกิจ นักการเมือง แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีคนที่ 30 ของประเทศไทย และนี่คือ 100 บทเรียน ที่เราสามารถเรียนรู้ได้จากเขา

  1. แม้ว่าคุณทิมจะจบปริญญาตรีบริหารธุรกิจที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และมีโอกาสได้เรียนปริญญาโทบริหารธุรกิจที่ MIT และปริญญาโทการเมืองการปกครองที่ Harvard แต่เขาบอกว่า การเรียนในห้องเรียนนั้นไม่เท่าไหร่ แต่เรียนนอกห้องนั้นสำคัญ แต่ไม่ว่าจะเป็นการเรียนในห้องหรือนอกห้อง ก็จะต้องมีความรับผิดชอบต่อหน้าที่การเรียนด้วยกันทั้งสิ้น
  2. สิ่งที่แตกต่างระหว่างการเรียนที่ต่างประเทศนั้น คุณทิมบอกว่า แม้ว่าตำราหนังสือจะเป็นเล่มเดียวกัน แต่ผู้เล่นที่อยู่ในห้องเรียนกับบทบาทของคุณครูนั้น มีความแตกต่างกัน เพราะคนในห้องนั้น เขามองว่าผู้เรียนคือหนึ่งใน GDP ของโลก ที่มีนักเรียนมาจากหลากหลายประเทศ เช่น คุณทิมเป็นคนไทยคนเดียวในห้อง เขาก็จะมองว่าคน ๆ นี้คือ GDP 1% ของโลก และคนที่มาจากประเทศอื่น ๆ รวมกัน คือ GDP โลก
  3. มหาวิทยาลัยที่ดีนั้น ควรจะต้องสร้างสิ่งแวดล้อมและมีตัวเลือกหัวข้อในการเรียนรู้ที่หลากหลายให้แก่นักศึกษาได้เป็นอย่างดี
  4. เมื่อคนที่มีความหลากหลายมาแลกเปลี่ยนประสบการณ์และมุมมองซึ่งกันและกัน จะได้ตำราเล่มใหม่ขึ้นมาที่ไม่มีเขียนอยู่ในตำราเรียน เพราะถ้าคุณเรียนจากหนังสือเพียงอย่างเดียวนั่นคือคุณกำลังเรียนรู้เพื่อกลับไปหาเรื่องราวในอดีต แต่ถ้าคุณกำลังเรียนรู้จากคนรอบข้างคุณกำลังเรียนรู้สู่อนาคต
  5. การศึกษาและเรียนรู้เรื่องความยากจนและความเหลื่อมล้ำของสังคมนั้น คุณทิมเขาได้เรียนรู้มาจากทั้งทางฝั่งที่เป็นฝั่งของลูกคนที่บริหารทรัพย์สินให้กับมหาเศรษฐี กับอีกฝั่งที่ยากจน อดอยากและรอดชีวิตมาจากสงครามฆ่าล้างเผ่าพันธุ์
  6. คุณทิม ได้เคยถามกับ Warren Buffett ว่า คุณได้อะไรจากการที่มาเรียนรู้ที่คณะ MBA คณะบริหารธุรกิจบ้าง โดย Warren Buffett ได้ตอบกับคุณทิมว่า สิ่งที่เขาได้เรียนรู้จากคณะบริหารธุรกิจนั้น ไม่ใช่เรื่องของบัญชี ไม่ใช่เรื่องของ excel หรือวิชาอะไรทำนองนั้น แต่สิ่งที่ดีที่สุดที่เขาได้รับก็คือ การที่เขาได้เข้าไปเรียนรู้กับคุณ Dale Carnegie ที่ถือได้ว่าเป็นผู้เชี่ยวชาญในด้านการพัฒนาหลักสูตรการพัฒนาตนเอง และการพูดในที่สาธารณะ และนอกจากนั้นก็จะเป็นเรื่องของเพื่อนฝูง เรื่องของ Network หรือเครือข่ายที่รู้จักคนในแวดวงที่เกี่ยวกับการทำธุรกิจ
  7. วิชาการบริหารธุรกิจ กับการบริหารภาครัฐนั้น เนื้อหาจะมีพื้นฐานที่ใกล้เคียงกันอยู่ระดับหนึ่ง ที่สามารถเรียนรู้ควบคู่กันไปได้ เช่น นโยบายการค้าการลงทุนระหว่างประเทศ, การสร้าง venture capital ที่เป็นกลุ่มระดมทุนเพื่อลงทุนในบริษัทสตาร์ทอัพ เหล่านี้มีลำต้นเดียวกัน เพียงแต่มันแตกกิ่งก้านสาขาไปอีกทางหนึ่ง
  8. การสร้าง Branding มีอยู่ 2 สิ่งที่สำคัญก็คือ memorable กับ meaningful ซึ่งแบรนด์มันคืออะไรคือสิ่งที่ผู้คนจดจำได้ มีเอกลักษณ์ที่ไม่เหมือนใคร และมันมีความหมายกับกลุ่มลูกค้าเป้าหมายของแบรนด์คุณ
  9. คนส่วนใหญ่คิดว่า ในการทำธุรกิจนั้น ระหว่างความสำเร็จกับความล้มเหลวมันคือสิ่งที่อยู่ตรงกันข้าม แต่คุณทิมบอกว่า จริง ๆ แล้ว ทั้ง success และ failure นั้น มันคือเรื่องเดียวกัน มันคือสิ่งที่อยู่ฝั่งเดียวกัน เพราะความล้มเหลวนั้นเป็นส่วนหนึ่งของความสำเร็จ เพราะระหว่างที่เรากำลังเดินทางไปสู่ความสำเร็จนั้น เราจะรู้สึกเจ็บปวด และเราจะได้เรียนรู้จากความผิดพลาด จากความล้มเหลว เพื่อที่จะได้ไม่ทำผิดพลาดแบบเดิมอีก
  10. ถ้าเรารักที่จะทำอะไรสักอย่าง มีไอเดียที่อยากจะทำในสิ่งนั้นแล้ว ก็ให้คุณทำไอเดียนั้นให้กลายเป็นของเรา แล้วก็เรียนรู้ในสิ่งนั้นให้ได้มากที่สุดกว่าใคร ๆ
  11. ระบบรัฐสภาในระบอบประธาธิปไตย ที่เป็นรัฐบาลผสมนั้น คือการที่มีกลุ่มคนที่มีความหลากหลายมาช่วยกันถกปัญหาเพื่อให้ตกผลึกเพื่อให้สามารถหาหนทางแก้ไขปัญหาได้
  12. คุณทิมได้เรียนรู้วิธีการการเลือกตั้ง ตั้งแต่ในสมัยของประธาธิบดี George W. Bush และ ในสมัยประธานาธิบดี Barack Obama ที่มีเพื่อนร่วมชั้นเรียนของเขานั้น ได้กลายเป็นทีมงานคนสำคัญในการหาเสียง โดยเฉพาะในสื่อโซเชียลมีเดีย ในเรื่องของ speech writer ผู้เขียนคำสุนทรพจน์ให้กับโอบามาคนแรก และเพื่อนคนอื่น ๆ ก็พาไปลงสนามจริงในการหาเสียง การหาเงินสนับสนุนจากประชาชนเพื่อใช้ในพรรคการเมือง
  13. คุณทิมในนำองค์ความรู้ในเรื่องของ Political Operation หรือเครื่องจักรทางการเมืองมาปรับใช้กับพรรคก้าวไกล เพื่อใช้ในการดำเนินงานจริง ยกตัวอย่างเช่น ในการนำข้อมูลเอามาเป็นตัวตั้งว่าเขตไหน พื้นที่ไหน ที่สนับสนุน ไม่สนับสนุน หรือเป็นกลุ่มที่กำลังชั่งใจอยู่ โดยเขตไหนที่เป็นสีเขียว นั่นหมายถึงว่าเลือกเขาแน่ ๆ เขาก็จะไปลงหาเสียงไม่ต้องเยอะ ส่วนเขตไหนสีแดง ที่หมายถึง ไม่น่าจะเลือกเขาแน่ ๆ เขาก็อาจจะไม่ไป แต่ถ้าเขตไหนเป็นสีเหลือง เขาก็จะเน้นหนักในการหาเสียง
  14. ในช่วงที่เขาทำงานเป็นพนักงาน เป็นลูกน้องนั้น เขาบอกว่าเขาจะใช้วิธี ‘จดพักลักจำ’ คือ พอหัวหน้าพูดอะไร หรือระหว่างที่นั่งฟังระดับหัวหน้าเขาประชุมกัน เขาก็จะทำการจดเอาไว้ เช่น พาณิชย์จังหวัดทำงานยังไง, กรมการค้าเจรจาทำงานยังไง, กรมส่งออกทำงานยังไง เป็นต้น
  15. ชีวิตของเรา ก็เหมือนกับหนังสือเล่มหนึ่ง ที่ดำเนินไปเป็น chapter ที่บทนี้ผ่านไปเดี๋ยวก็จะมี chapter ใม่เข้ามา บาง chapter เราอาจจะรู้สึกเหนื่อยล้ากับมัน เราก็จะรู้ว่า มันจะไม่ได้เป็นแบบนี้ตลอดไป สักวันมันก็จะมี chapter ใหม่เข้ามา และเช่นกัน ถ้า chapter นี้ดี บางที chapter หน้าก็อาจจะไม่ดีก็ได้
  16. ใช้ชีวิตแบบคาดหวังถึงปัญหา และกินมันเป็นอาหารเช้า โดยคุณทิมบอกว่า ผมกินอาหารอิ่มทุกวันกันเลยทีเดียว
  17. ถ้าลองทำในสิ่งใหม่ ๆ วิธีการใหม่ ๆ ที่ไม่เคยมีใครทำหรือไม่มีใครกล้าที่จะทำมันมาก่อน แล้วผลลัพธ์มันออกมาดีกว่าที่เคยเป็นมา ทำไมจะไม่ลองทำดูล่ะ
  18. การมีทีมงานที่แข็งแกร่ง ทำงานได้เป็นอย่างดีนั้น จะช่วยส่งผลต่อความสำเร็จ
  19. หากคุณเลือกทำในสิ่งเดิม ๆ แล้วคาดหวังผลลัพธ์ใหม่ ๆ นั่นแสดงว่าคุณกำลังคิดผิด
  20. การที่จะดูว่าคน ๆ นั้นจะสามารถทำหน้าที่ของตนได้ดีหรือไม่ หรือดีแค่ไหนนั้น ผลงานที่ออกมาให้เห็นเป็นประจักษ์จะเป็นตัวพิสูจน์ด้วยตัวมันเอง
  21. อยากประสบความสำเร็จ เริ่มต้นที่ความคิด จะต้องเริ่มต้นตั้งคำถามให้ถูกต้องและแตกต่างจากคำถามเดิม ๆ
  22. จุดยืน เป้าหมายต้องชัดเจน ส่วนวิธีการนั้นสามารถยืดหยุ่นได้
  23. ทุกองค์กรไม่ว่าองค์กรใด ล้วนแล้วย่อมมีความขัดแย้งกันภายในองค์กรซึ่งเป็นเรื่องปกติ แต่สิ่งที่สำคัญกว่าคือการที่จะแก้ไขความขัดแย้งนั้นยังไงมากกว่า
  24. จงเปลี่ยนวิกฤตให้เป็นโอกาส อย่ามองว่าสิ่งที่เกิดขึ้นมันเป็นปัญหาส่วนตัว แต่จงดูภาพใหญ่ ดูส่วนรวมเพื่อมุ่งสู่เป้าหมาย มุ่งสู่ความสำเร็จ อย่ามัวไปคิดเล็กคิดน้อยกับเรื่องต่าง ๆ มากเกินไป เดี๋ยวบ้าตายก่อนกันพอดี
  25. การที่คุณจะกระโดดได้ไกลนั้น คุณไม่สามารถยืนตรง ๆ อยู่กับที่แล้วกระโดดได้ แต่หากคุณลองถอยหลังมาสักก้าวหนึ่ง ย่อขาลงแล้วลองกระโดดใหม่ดู คุณจะสามารถกระโดดได้ไกลกว่าเดิม
  26. วิธีเลี้ยงลูกสไตล์คุณพ่อเลี้ยงเดี่ยวของคุณทิม คือการอธิบายให้ลูกได้เข้าใจว่าการที่คุณพ่อกับคุณแม่ไม่ได้อยู่ด้วยกันนั้น ไม่ใช่ความผิดของลูก แต่ความเป็นพ่อเป็นแม่ของลูกนั้นยังคงเป็นอยู่เสมอ
  27. เขามีความเชื่อว่า เด็กนั้นจะสะกดคำว่ารัก ที่ไม่ได้สะกดว่า Love แต่จะสะกดด้วย T-I-M-E ไทม์หรือเวลา เพราะใครที่ใช้เวลาอยู่กับลูก ๆ มาก พวกเขาก็จะรักคน ๆ นั้นมากด้วยเช่นเดียวกัน
  28. วิธีทำน้อยให้ได้มาก เมื่อใช้เวลาอยู่กับลูกก็คือ การอ่านนิทานให้ลูกฟังในทุก ๆ คืนก่อนนอน
  29. อย่าพยายามไปจำกัดคำว่า ครอบครัวที่สมบูรณ์แบบนั้นจะต้องเป็นแบบนี้เท่านั้น เพราะครอบครัวก็คือครอบครัว อย่าไปจำกัดรูปแบบ อย่าไปจำกัดเพศสภาพ รักก็คือรักนั่นแหละ
  30. อยากให้เด็กรุ่นใหม่ทุกคนได้หาประสบการณ์ในการทำงานตั้งแต่ช่วงวัยรุ่น ที่ไม่ใช่ทำงานเพื่อหาเงินเพิ่ม แต่เพื่อเป็นการหาประสบการณ์ โดยในช่วงวัยรุ่นนั้น คุณทิมได้เคยทำงานเก็บสตรอเบอร์รี่ในสวน, ปั่นจักรยานส่งนม ส่งหนังสือพิมพ์, ทำงานบริการในร้านอาหาร ฯลฯ ซึ่งหากในอนาคตคุณต้องการที่จะทำธุรกิจ มันจะทำให้เราเข้าใจตั้งแต่พนักงานระดับล่างสุด และสามารถมอบหมายงานให้ลูกน้องทำเป็นได้
  31. การฝึกเป็น Salesman เป็นนักขายนั้น จะช่วยฝึกวิธีคิดวิธีกระทำให้คุณละวางอีโก้ของคุณลง ไม่ว่าลูกค้าจะเป็นอย่างไร ลูกค้าถูกเสมอ และให้พยายามบริการพวกเขา สอบถามพวกเขา ว่าสิ่งที่พวกเขาต้องการนั้นคืออะไร พวกเขาอยากได้อะไร
  32. เรียนรู้วิชามนุษย์ ที่มีทั้ง รัก โลภ โกรธ หลง ที่ตอนเด็ก ๆ เขานั้นคิดว่า เวลาที่อยู่กับคุณพ่อคุณแม่นั้น ไม่ว่าคุณจะทำอะไร พวกท่านก็จะรักเราอยู่ดี แต่ในขณะที่เขาได้ไปใช้ชีวิตจริง ๆ ข้างนอกบ้านนั้น กลับสอนให้เขารู้ว่า คนอื่น ๆ ไม่ได้รักเรา ชอบเราทุกคน แต่ถ้าคุณสามารถอ่านคนออก อ่านคนเป็น คุณจะสามารถทำธุรกิจอะไรก็ได้บนโลกใบนี้
  33. สิ่งที่ไม่มีสอนในมหาวิทยาลัย เช่น เมื่อตอนที่คุณทิมต้องกลับมารับช่วงต่อกิจการที่บ้านหลังจากที่คุณพ่อเสีย แต่มีหนี้สินบริษัทที่ทิ้งไว้ให้อีก 100 กว่าล้าน ที่ทั้งบริษัทไม่มีใครเชื่อมั่นหรือใจเชื่อเด็กในวัย 25 ปีที่จะมาบริหารต่อเลย เขาจึงจะต้องคุยและเจรจากับทั้งพนักงาน โรงสีที่เป็นพาร์ทเนอร์ กลุ่มร่วมทุน ลูกค้า ธนาคาร ที่เขาถูกปฏิเสธมามากกว่า 20 ครั้ง แต่เขาก็จะต้องปลดหนี้ พาธุรกิจให้รอดให้ได้
  34. เขาไม่เคยคิดที่จะหยุดทำหรือล้มเลิกธุรกิจเลยแม้แต่น้อย เพราะธุรกิจนี้คือความฝันของคุณพ่อ เขาจะต้องทำมันให้สำเร็จให้จงได้
  35. คุมเครื่องจักรนั้นคุมง่าย เพราะสิ่งที่ยากกว่าคือการคุมคน เพราะในวันที่บริษัทได้สูญเสียคุณพ่อที่เปรียบเสมือนเป็นกัปตันหัวเรือใหญ่ ตัวของคุณทิมในฐานะลูกชายในวัย 25 ปี จะต้องเข้ามารับช่วงต่อนั้น สิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือความเชื่อมั่น เขาจึงต้องสร้างความเชื่อมั่นให้แก่พนักงานที่เป็นลูกน้องของคุณพ่อมาก่อนให้มีความเชื่อใจ ที่จะฝ่าฟันอุปสรรคไปได้ ซึ่งพนักงานกลุ่มดังกล่าวก็ยังคงทำงานอยู่ร่วมกันกับเขามาจนถึงปัจจุบัน
  36. ปกติแล้วเด็กไทยเวลาที่ทำอะไรผิดต่อผู้ใหญ่แล้วพยายามที่จะอธิบายโต้กลับนั้น มักจะถูกดุ ถูกมองว่าเป็นเด็กก้าวร้าว ไม่เหมาะไม่ควร แต่ในขณะที่เด็กในยุคโลกาภิวัตน์ ในยุคใหม่นั้นควรอธิบายกลับอย่างอ่อนน้อมถ่อมตน
  37. การทำธุรกิจจำเป็นที่จะต้องรู้ทุกส่วนที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจของคุณ ตั้งแต่ต้นน้ำยันปลายน้ำ โดยคุณทิมเล่าว่า เขาจะเดินทางเพื่อไปพบปะพูดคุยและขอความรู้ตั้งแต่ระดับชาวนาที่ปลูกข้าว ยันโรงสี รวมไปถึงกระบวนการผลิต การแปรรูป การส่งออก ฯลฯ
  38. หลักการสื่อสารเพื่อให้คนอื่นยอมรับนั้น จะมีหลัก ๆ อยู่ 2 ข้อด้วยกัน ข้อแรกคือคุณต้องรู้จริงในสิ่งที่จะพูดเสียก่อน เช่น ถ้าคุณจะทำธุรกิจออนไลน์นั้น คุณก็จำเป็นที่จะต้องรู้จริงในเรื่องออนไลน์ และข้อที่สอง รู้ว่าเมื่อไหร่ควรพูดหรือเมื่อไหร่ที่ควรจะฟัง ยกตัวอย่างเช่น ตอนที่คุณทิมไปขอความช่วยเหลือทางการเงินจากนายธนาคาร เขาคิดอยู่ในใจอยู่แล้วว่า เขาต้องการเลือกช้อยส์ข้อที่สอง แต่ไม่ใช่จู่ ๆ ก็ไปเบ่งคับห้องกับนายธนาคารแล้วฟันธงบอกด้วยตัวเองเลยว่า “ผมจะเอาข้อที่สอง” แต่สิ่งที่คุณทิมทำก็คือ เขาเตรียมพรีเซ็นต์ไปด้วยกันสามข้อ แล้วอธิบายข้อดีข้อเสียของแต่ละข้อ แต่เขาวางแผนเอาไว้แล้วว่า ถ้านายธนาคารคนดังกล่าวมีวิสัยทัศน์และมีความสามารถที่ยอดเยี่ยม นายธนาคารคนนั้นจะต้องเลือกทางออกข้อที่สองเช่นเดียวกันกับคุณทิมอย่างแน่นอน ซึ่งบางสถานการณ์ที่คุณรู้คำตอบอยู่แล้ว แต่การเลือกที่จะฟังในบางสถานการณ์นั้น กลับได้ผลลัพธ์ที่น่าพอใจมากกว่า
  39. แม้ว่าสินค้าคุณจะดีแค่ไหน แต่ถ้าคนเขาไม่ชอบในตัวเรา เขาไม่เชื่อมั่นในตัวเรา เขาก็ไม่ซื้อสินค้าจากเรา
  40. หา mentor หาไอดอล หา roll model ต้นแบบอย่างที่เราชอบ ที่เราเคารพ ที่เรานับถือ เพื่อเรียนรู้สิ่งต่าง ๆ จากเขาคนนั้น ไม่ว่าจะเป็นวิธีคิด วิธีพูด วิธีการกระทำของคน ๆ นั้น ที่ไม่ว่าเขาคนนั้นจะรู้ตัวหรือไม่รู้ตัวก็ตามทีว่าเรานับถือเขาเป็น mentor อยู่
  41. ประเทศไทย เป็นประเทศที่เหมาะแก่การทำการเกษตรที่มีการเพิ่มมูลค่า ตัวอย่างเช่น จากธุรกิจของคุณทิมที่นำเอารำข้าวที่มีราคาขายอยู่ไม่กี่บาท ซึ่งส่วนใหญ่เอาไปถมที่ เอาไปทำปุ๋ย เอาไปเป็นอาหารสุกร ที่มีราคากิโลกรัมละไม่ถึงสิบบาท แต่คุณทิมได้นำเอารำข้าวมาเพิ่มมูลค่าด้วยการสกัดออกมาเป็นน้ำมันรำข้าวที่มีมูลค่าสูงกว่าเดิมเป็น 10 เท่า 100 เท่า 1,000 เท่า ที่สามารถสร้างยอดขายรวมมากกว่าพันล้านบาทได้ในที่สุด ซึ่งถ้าประเทศไทยเรา สามารถปลุกปั้นเกษตรกรที่ทั้งประเทศมีจำนวนคิดเป็น 40% ของทั้งประเทศขึ้นมาได้ ก็จะทำให้ประเทศไทยเจริญรุ่งเรืองขึ้นมาได้เช่นกัน
  42. ในการเป็นฝ่ายผู้รับฟังที่ดีนั้น มักจะได้แรงบันดาลใจ ได้พลังใจ มากกว่าที่จะเป็นฝ่ายพูดมากกว่าเสียอีก ซึ่งการเป็นผู้นำที่ดีนั้นจะต้องฟังให้มากกว่าพูด
  43. การเดินทาง การท่องเที่ยวไปต่างแดน จะช่วยทำให้เราอยู่กับตัวเองมากขึ้น จะช่วยทำให้เรารู้ว่า เราชอบอะไรและไม่ชอบอะไร ในสังคมที่กว้างกว่าการที่อยู่แต่ที่บ้าน ที่โรงเรียน หรือที่ทำงาน ที่เป็นสังคมแคบ ๆ แบบเดิม ๆ
  44. เวลามองปัญหาให้มองกว้าง ๆ ให้มองหาว่าปัญหาดังกล่าวมันมีที่มาที่ไปที่เกิดมาจากอะไร วิธีแก้ไขมีกี่วิธี มีอะไรบ้าง แล้วเวลาที่จะลงมือแก้ไขปัญหาให้แก้ไขในแนวดิ่ง มีสมาธิ มีโฟกัสในวิธีการที่ทำแล้วมันได้ผล โดยไม่ว่อกแว่กไปในอย่างอื่น
  45. ให้ฟังเยอะ ๆ แต่อย่าพึ่งเชื่อในสิ่งที่จะได้ยินมา ให้กลับไปค้นคว้าหาข้อมูลมาก่อน แล้วค่อยตัดสินใจในภายหลังว่า สิ่งนั้นจริงหรือไม่จริง ก็ว่ากันไป
  46. การทำธุรกิจนั้น คุณจำเป็นที่จะต้องรู้เรื่องของ เร็ว ช้า หนัก เบา เช่น บางเรื่องมันต้องเร็วมันต้องหนักอย่างเช่นเรื่อของการลงทุน การทำการตลาด บางเรื่อง มันควรจะช้าจะเบาอย่างเช่นในเรื่องของการบริหารคน เรื่องวิชามนุษย์ ที่แต่ละคนจะมีความต้องการที่ไม่ตรงกัน
  47. ให้ทำในสิ่งที่รัก แล้วคุณจะอยากลุกตื่นขึ้นมาในทุก ๆ เช้า เพื่อทำมันวันแล้ววันเล่าอย่างไม่รู้จักเหน็ดจักเหนื่อย เพราะคุณจะรู้สึกสนุกไปกับมัน
  48. แม้ว่าเงินจะเป็นสิ่งที่สำคัญสำหรับการใช้ชีวิต โดยเฉพาะการใช้มันในการซับพอร์ทความเป็นอยู่ของครอบครัวและคนที่เรารักได้นั้น แต่คุณทิมเขาอยากให้คุณลองถามกับตัวเองดูว่า ถ้าเหตุผลในการทำที่ไม่ใช่ทำเพียงเพราะเงินนั้น ในแต่ละวันคุณอยากจะตื่นขึ้นมาเพื่อทำอะไรจริง ๆ ในชีวิตบ้าง
  49. ชีวิตของคนเรานั้น ต้องสามารถอยู่ได้ในทั้งสถานการณ์ที่ขึ้นสุดก็ได้หรือลงสุดก็ได้ อย่าไปยึดติดกับสถานการณ์ที่เป็นอยู่ ณ ปัจจุบัน
  50. ในโลกยุคอินเตอร์เน็ตนั้น สะดวกสบายและเริ่มต้นทำธุรกิจง่ายกว่ายุคก่อนมาก ยกตัวอย่างเช่น คุณสามารถหาความรู้ได้เพียงแค่พิมพ์มันลงไปบน Google ก็ได้คำตอบในทันที ไม่ต้องไปไล่หาในห้องสมุดเป็นวัน ๆ หรือต้องไปนั่งเรียนเอาความรู้จากอาจารย์ทั้งเทอมที่กว่าจะเรียนจบ
  51. หนี้ทางธุรกิจนั้นจะมีหนี้อยู่สองแบบก็คือ หนี้ระยะสั้นกับหนี้ระยะยาว สำหรับหนี้ระยะยาวนั้น ตัวอย่างเช่น การกู้เงินมาเพื่อไปสร้างโรงงาน โดยเงินก้อนนี้จะต้องคืนภายใน 5 ปี จากตัวอย่างของคุณทิมก็คือ คุณพ่อไปกู้หนี้จากธนาคารมาสร้างโรงงาน แต่ถ้าโรงงานไม่มีเงินทุนหมุนเวียน โรงงานดังกล่าว ก็เป็นเศษเหล็กที่เอาไปทำอะไรไม่ได้เลยดี ๆ นี่เอง ดังนั้นเขาจำเป็นที่จะต้องทำให้ธนาคารปล่อยหนี้ระยะสั้น เพื่อเอาเงินทุนนั้นไปซื้อวัตถุดิบ เพื่อมาเข้าโรงงานแล้วส่งออกขาย จากนั้นก็เอาเงินไปคืนแบงค์ ซึ่งหนี้ระยะสั้นจะต้องคืนเงินก้อนดังกล่าวภายใน 180 วัน
  52. อย่ายอมแพ้เพียงเพราะถูกปฏิเสธ โดยคุณทิมเล่าว่า เขาไปคุยกับธนาคารต่าง ๆ กว่า 7 แห่ง กับนายธนาคารกว่า 20 คน ซึ่งทั้งยี่สิบคนนั้นได้ปฏิเสธในการปล่อยกู้ทั้งหมด แต่ด้วยความที่เขาไม่ยอมแพ้และเขาหน้าด้านหน้าทนมากพอ และเอาข้อผิดพลาดในแต่ละครั้งมาเป็นบทเรียน จึงทำให้ได้รับการอนุมัติปล่อยกู้จากนายแบงค์คนที่ 21 และสามารถนำเงินทุนก้อนนั้นฝ่าวิกฤตล้มละลายของบริษัทไปจนได้ในที่สุด
  53. ชีวิตไม่ได้ง่ายอย่างที่เห็น โดยคุณทิมได้เล่าในช่วงอายุได้ 18 ที่เรียนจบมัธยมปลาย เขาต้องขวนขวายเพื่อสมัครเข้าเรียนต่อในระดับปริญญาตรีด้วยกัน 5 แห่ง และหลังจากที่เรียนจบปริญญาตรีแล้ว เขาก็ได้เขียนใบสมัครงานส่งมากกว่า 50 บริษัท และในช่วงที่จะเข้าเรียน ป.โท นั้น เขาก็ได้เขียนเรียงความหรือ Essay ส่งมหาวิทยาลัยมากกว่า 18 แห่ง และแต่ละแห่งก็ส่งเรียงความแห่งละ 5 ฉบับ ที่กว่าทางมหาวิทยาลัยจะรับเข้าเข้าเรียนต่อป.โท
  54. การเอาชนะคนที่ชอบดุด่าว่าเรา ดูถูกเรา พูดไม่ดีกับเรานั้น ไม่ใช่การโต้เถียงกลับไป แต่เป็นการลงมือทำให้สำเร็จ แล้วให้ความสำเร็จนั้นเล่าเรื่องด้วยตัวมันเอง
  55. ทุกคนที่ประสบความสำเร็จนั้น คือคนที่เคยแพ้มาหลายต่อหลายครั้ง แต่พวกเขาก็ไม่ยอมหยุดที่จะทำมันต่อไป
  56. ประเทศไทยเป็นประเทศที่อุดมไปด้วยวัตถุดิบชั้นยอดแต่ยังขาดองค์ความรู้ในการเพิ่มมูลค่า ในขณะที่ต่างชาติขาดวัตถุดิบแต่พวกเขามีองค์ความรู้ ซึ่งถ้าทำให้คนไทยมีองค์ความรู้ที่ดี จะสามารถสร้างมูลค่าเพิ่มได้อย่างมากมาย
  57. การพัฒนาจากธุรกิจร้อยล้านไปเป็นพันล้านนั้น คุณทิมเล่าว่า เขาได้ต่อยอดจากการสกัดรำข้าวออกมาให้เป็นน้ำมันรำข้าวได้แล้วนั้น เขาได้นำไปทำเป็นวิตามิน เป็นอาหารเสริม เครื่องสำอางบำรุงผิว และรำข้าวที่ถูกดึงน้ำมันออกไปแล้วนั้น ก็สามารถนำไปทำเป็นขนมขบเคี้ยวเพื่อสุขภาพได้อีกด้วย
  58. วิธีแก้ปัญหาที่ดีนั้น คือการมีสติจดจ่ออยู่กับปัจจุบัน อย่าเอาอารมณ์เข้ามาเกี่ยวข้อง อย่ามัวไปกลัวสิ่งที่จะเกิดขึ้นในอนาคต หรือมัวแต่เอากังวลกับเรื่องในอดีตที่ผ่านมา แต่ให้เอาปัญหาทั้งหมด มาเรียงลำดับความสำคัญ แล้วจากปัญหาที่เป็นปมขนาดใหญ่ ถ้าเราเห็นปลายปมเพียงนิดเดียว ก็สามารถแก้ไขปัญหาทั้งก้อนนั้นได้โดยง่าย
  59. การตั้งคำถามที่ถูกต้อง เปรียบเสมือนการเดินไปในทิศทางที่ถูกต้อง แล้วจากนั้นค่อยมาช่วยกันหาคำตอบร่วมกัน
  60. คุณทิมเคยเล่าว่า เมื่อตอนที่เหลือเงินทุนก้อนสุดท้ายประมาณ 20 ล้านบาท แต่ต้องใช้ซื้อวัตถุดิบวันละ 3 ล้านบาท เขาบอกว่า วันที่ 1 2 3 4 นั้น เขาไม่สามารถทำได้สำเร็จ เพราะน้ำมันรำข้าวออกมาดำไม่ได้มาตรฐาน แต่ตอนนั้นเขาทำเหมือนเป็นคนตาบอดไม่กลัวเสือ ลุยด้วยเงินก้อนสุดท้ายที่ยังเหลือให้ลองอีกได้อีกตั้ง 3 ครั้ง และในที่สุด วันที่ 5 เขาก็สามารถทำน้ำมันรำข้าวได้สำเร็จ
  61. การทำงานทำธุรกิจนั้น มันจะมีปัญหาถาโถมเข้ามาให้แก้ไขอยู่เรื่อย ๆ จนกลายเป็นเรื่องธรรมดาที่จะเกิดขึ้นกับทุกคน เพราะทุกคนล้วนแล้วแต่ก็มีความทุกข์เป็นตัวตั้ง ที่เหลือก็คือตัวเรานั้นจะแก้ไขปัญหานั้นอย่างไร
  62. การที่เราจะรู้ว่าตัวเราชอบทำอะไรและไม่ชอบทำอะไรนั้น มันไม่ใช่เรื่องง่าย แต่การที่จะทำให้ตัวคุณรู้ได้นั้นว่าคุณชอบทำอะไรก็คือ ให้คุณลองผิดลองถูก ลองทำหลายสิ่งหลายอย่างดู ลองหาประสบการณ์ในเรื่องต่าง ๆ จนกว่าจะหามันเจอด้วยตัวคุณเอง
  63. ความสุขกับความทุกข์นั้น มันก็เหมือนน้ำกับน้ำแข็งที่รวมอยู่ในก้อนเดียวกัน ที่ในความสุขก็มีความทุกข์ซ่อนอยู่ และในความทุกข์คุณก็สามารถหาความสุขภายในนั้นได้เช่นเดียวกัน
  64. เมื่อเจอปัญหารุมเร้า คนเราสามารถตอบสนองต่อปัญหาเหล่านั้นได้อยู่สองแบบก็คือ คนแบบแรกคือคนที่เอาแต่แบกโลก แบกปัญหาเอาไว้ แต่คุณจงเป็นคนในแบบที่สองคือคนที่เหยียบโลก อยู่เหนือปัญหาเหล่านั้น
  65. ปัญหามา ปัญญาเกิด ถ้าเราไม่รู้ ก็มีคนอื่นที่รู้อยู่ดี ดังนั้นปัญหาอะไรในโลกก็สามารถแก้ได้ ถ้าเรามีความตั้งใจที่จะมุ่งมั่นทำมันต่อไป
  66. สิ่งที่คุณทิมได้เรียนรู้จากคุณพ่อคุณแม่นั้น ทำให้เขาเป็นอย่างที่เป็นในทุกวันนี้ พวกท่านอาจไม่ได้นั่งพูดนั่งสอนโดยตรง แต่พวกท่านสอนเขาผ่านทำกระทำในสิ่งต่าง ๆ จนหล่อหลอมให้เขาเป็นเขาอย่างในทุกวันนี้
  67. ผู้นำที่ดี คือคนที่สามารถทำให้เสียงในหัวใจของผู้อื่นดังขึ้นมาได้ จุดประกายในตัวของผู้อื่นให้อยากที่จะทำตามในสิ่งที่ผู้นำบอกกล่าวขึ้นมาได้
  68. คุณทิมเล่าว่า ตอนที่เขาไปคิวบา แล้วเห็นชายคนหนึ่งกำลังยืนสูบซิการ์อยู่ โดยซิการ์ในมือของชายคนนั้นแท่งเดียว มีมูลค่าถึง 7,000 บาท แต่พอย้อนกลับมาดูกระสอบข้าวเปลือกบ้านเราจำนวนหนึ่งตันนั้น ก็มีมูลค่าประมาณ 7,000 บาทเช่นเดียวกัน ทำให้เขาได้ข้อคิดว่า อีกฝั่งหนึ่งคือการทำน้อยให้ได้มาก ส่วนบ้านเรากลับทำมากแต่ได้น้อย
  69. สาเหตุที่คุณทิมเขาต้องการผลักดันการเกษตรในประเทศไทยนั้นก็เป็นเพราะว่า จากผลการสำรวจประชากรในประเทศไทยนั้น เป็นเกษตรกรที่คิดเป็นราว ๆ 42% ของจำนวนประชากรทั้งหมดภายในประเทศ หรือประมาณ 30 กว่าล้านคน แต่ในกลุ่มนี้กลับสร้าง GDP ให้แก่ประเทศได้เพียง 12% เท่านั้นเอง
  70. คุณทิมได้เรียนรู้การเพิ่มมูลค่าของสินค้า จากการที่เขาได้มีโอกาสไปเรียนที่ประเทศนิวซีแลนซ์ ซึ่งได้อาศัยอยู่กับ host ของที่นั่น ที่พวกเขามีไร่องุ่น ไร่สตรอเบอร์รี่ ซึ่งถ้าเป็นการขายแบบปกติที่เป็นลูก ๆ อาจจะได้ไม่ถึงร้อยบาท แต่พวกเขานำเอาไปแปรรูปเป็นไวน์ ที่มูลค่าสามารถเพิ่มขึ้นเป็นขวดละแสนก็เป็นไปได้ หรืออุตสาหกรรมวัว ที่เป็นนมวัว ถ้าขายเป็นกล่องก็ได้ไม่เท่าไหร่ แต่พวกเขานำเอาไปแปรรูปเป็นชีสที่มีมูลค่าสูงกว่าหลายเท่า
  71. เปลี่ยนจาก price taker เป็น price maker ให้ได้ ตัวอย่างเช่น อย่างกาแฟสตาร์บัคนั้น พวกเขาตั้งราคาขายกาแฟแก้วละสองร้อย โดยที่ไม่สนใจว่าคุณจะซื้อหรือไม่ คือทำตัวเป็น price maker แต่ในขณะที่เกษตรกรไทยนั้น กลับถูกตลาดตั้งราคาเอาไว้ว่าจะรับซื้อแค่นี้ แล้วก็จำใจที่จะต้องขายในราคานั้นราคาเดียว ยอมรับสภาพไป เป็น price taker
  72. เศรษฐกิจกับธุรกิจเป็นคนละเรื่องกัน บางทีเศรษฐกิจดี แต่ธุรกิจไม่ดีก็มี บางทีเศรษฐกิจไม่ดี แต่ธุรกิจไปได้ดีก็มี หรือบางทีเศรษฐกิจดีธุรกิจดี เศรษฐกิจแย่ธุรกิจแย่ ก็มี
  73. การมีสภาพคล่องคือสิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับธุรกิจระดับ SME เพราะธุรกิจ SME นั้น ต่อให้ไม่มีกำไร แต่ยังมีสภาพคล่องอยู่ ก็ยังพอที่จะสามารถประคองธุรกิจต่อไปได้อยู่ ไม่เหมือนกับบริษัทขนาดใหญ่ที่ดูแต่ผลกำไร ราคาหุ้น ดู ROI ว่าผลตอบแทนจากการลงทุนได้เท่าไหร่ และบริษัทขนาดใหญ่พวกเขาสามารถระดมทุนผ่านตลาดหลักทรัพย์ได้ และแบงค์ก็ยินดีปล่อยกู้ แต่ในขณะที่ SME นั้น แบงค์กลับไม่ปล่อยกู้เพื่อเพิ่มสภาพคล่องให้
  74. สินค้าเกษตรถ้าเก็บไว้ในโกดังมีแต่ราคาจะลดลง แต่ในขณะที่หากเก็บไว้ในขวดราคามีแต่จะเพิ่มขึ้น ความหมายก็คือ เมื่อนำผลผลิตทางการเกษตรไปแปรรูป สร้างแบรนด์ ใส่แพ็คเกจ เก็บไว้ได้นาน จะทำให้ผลผลิตทางการเกษตรมีมูลค่าเพิ่มมากขึ้นหลายเท่าตัว
  75. ความสำคัญของการกล่าวสุนทรพจน์ก็คือ ทำให้ผู้คนสามารถรู้สึกผูกพันกับคำพูดเหล่านั้นได้ และเมื่อสามารถเข้าถึงความคิด สามารถเปลี่ยนความคิด เปลี่ยนทัศนคติที่มีต่อคำพูดนั้นได้ ก็จะสามารถเปลี่ยนการกระทำ เปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของคนในสังคมได้ นั่นคือพลังของการกล่าวสุนทรพจน์
  76. เมื่อเจอกับสถานการณ์ใหม่ ๆ น่านน้ำใหม่ที่ยังไม่เคยไปมาก่อน บางครั้งเราไม่สามารถใช้องค์ความรู้เดิม หรือใช้ประสบการณ์เดิมที่เคยผ่านมาใช้แก้ไขปัญหาเหล่านั้นได้ เราจำเป็นที่จะต้องใช้คนรุ่นใหม่ องค์ความรู้ใหม่ ๆ เพื่อเข้ามาช่วยแก้ไขปัญหาใหม่ ๆ เหล่านั้น
  77. คุณทิมได้เสนอแนวทางการแก้ไขปัญหาให้กับเกษตรกรไทย โดยการใช้หลักของกระดุม 5 เม็ด ที่ประกอบไปด้วย มีที่ดินทำกิน, ลดภาระหนี้สิน, ลดต้นทุน, แปรรูปการเกษตร และเปลี่ยนจากผู้ผลิตให้เป็นผู้ประกอบการได้ เป็นการเกษตรเชิงท่องเที่ยว
  78. ผู้นำที่ดีนอกจากจะต้องฟังให้มากกว่าพูดแล้วนั้น จะต้องเป็นผู้นำที่สามารถสร้างผู้นำในทีมของตนเองขึ้นมาทำงานแทนตนเองได้ด้วย
  79. การเมืองเป็นเรื่องของคนทุกคน ไม่ใช่ของคนใดคนหนึ่ง
  80. ในเมื่อคุณรู้ว่าจะต้องเผชิญกับโลกที่โหดร้ายแน่ ๆ แล้วนั้น ที่เหลือมันขึ้นอยู่กับว่าคุณจะตอบสนองต่อเหตุการณ์เหล่านั้นอย่างไร คุณจะเลือกที่จะห้องไร้ฟูมฟายกับมัน หรือคุณจะเลือกที่จะลุกขึ้นแล้วเดินหน้าต่อไป
  81. ถ้าคุณคิดว่าคุณสามารถทำมันให้สำเร็จได้ ให้ลองทำดูเลย อย่ามัวรอ ทีคนอื่นยังทำได้เลย เราก็ต้องทำมันได้บ้างสิ
  82. ประเทศไทย ไม่ใช่แค่กรุงเทพฯ กรุงเทพฯ ไม่ใช่จังหวัดเดียวในประเทศไทย เราจำเป็นที่จะต้องกระจายอำนาจ กระจายโอกาสในการทำมาหากินไปตามต่างจังหวัดทั่วประเทศให้มีโอกาสอย่างเท่าเทียมกัน
  83. โทษทุกสิ่งทุกอย่าง ยกเว้นโทษตัวเอง เพราะการที่คุณไม่ประสบความสำเร็จนั้น มันไม่ใช่เรื่องของคนอื่น แต่มันคือเรื่องของตัวเราเอง
  84. อย่าเอาตัวเราเองเป็นที่ตั้ง แต่ให้เอาเป้าหมายเป็นที่ตั้ง เพราะสักวันหนึ่งในองค์กรก็จะมีคนที่ดีกว่าเราขึ้นมาแทนที่ในวันที่เราไม่อยู่ หรือในวันที่เราเหนื่อยล้า เมื่อลองมองหันหลังกลับไปเราก็จะพบว่า มีผู้คนเก่ง ๆ ที่พร้อมที่จะคอยช่วยเหลือเราอยู่ตลอด
  85. วิธีการแก้ปัญหา corruption สไตล์ของคุณทิมก็คือ เขาบอกว่าขั้นแรกสุดจะต้องหาสมการหรือองค์ประกอบที่ก่อให้เกิดการ corruption ให้ได้เสียก่อน เพราะการเกิด corryption นั้น มันไม่ได้เกิดจากตัวบุคคล แต่มันเกิดขึ้นจากระบบ โดยคุณทิมเขาได้แจกแจงสมการของ corruption นั้นประกอบไปด้วย อย่างแรก ดุลยพินิจ ยิ่งมีดุลยพินิจมาก ยิ่งมีการขอรับใต้โต๊ะมาก วิธีแก้คือ พยายามทำให้ระบบเป็นอัตโนมัติ ให้ได้มากที่สุด อย่างที่สองคือ Monopoly คือการผูกขาดข้อมูล ที่ ณ วันนี้เราไม่สามารถรู้ได้เลยว่า งบประมาณประเทศนั้น ถูกนำไปใช้ในเรื่องใด เท่าไหร่บ้าง ซึ่งการนำข้อมูลจาก analog ให้ไปเป็น digital นั้น จะสามารถทำให้ทุกคน สามารถเข้าถึงข้อมูลตรงนี้ได้ เกิดความโปร่งใสมากยิ่งขึ้น และอย่างที่สามคือ การรับผิดรับชอบ เพราะถ้าหากไม่มีความรับผิดรับชอบ คนที่ทำผิดก็จะไม่มีความกลัวในการกระทำผิด วิธีการแก้คือ ใครยอมรับผิดก่อน ให้สิทธิ์คนนั้นในการลดโทษหรือกันเป็นพยาน อย่างที่เราเคยเห็นในภาพยนตร์ต่างประเทศ เพราะในวงนั้นหากมีคนออกมาแฉก่อน วงนั้นก็จะแตก
  86. ถ้าเราเคยผ่านเรื่องร้าย ๆ เรื่องหนัก ๆ เรื่องยาก ๆ มาหลายต่อหลายครั้งในชีวิตแล้วนั้น พอเวลาที่มีปัญหาใหม่ ๆ เข้ามา คุณก็จะคิดแล้วว่า ถ้าเรื่องยากกว่านี้เรายังสามารถผ่านมันไปได้เลย เรื่องแค่นี้หรือเรื่องที่หนักกว่านี้ ทำไมเราจะผ่านมันไปไม่ได้กันล่ะ
  87. ตอนขึ้นอย่าหลง ตอนลงอย่าท้อ ตอนที่ได้รับความนิยม ได้รับเกียรติ ได้รับการชื่นชมอย่างมากมาย ก็อย่าไปมัวหลงระเริง เหลิงลืมตัวไปกับมัน และในขณะเดียวกัน ในตอนที่ผิดพลาด ล้มเหลว พ่ายแพ้ ก็อย่ามัวไปท้อ ให้รีบลุกขึ้นมาสู้ใหม่ ตั้งตาตั้งตาทำมันต่อไป
  88. ในการเป็นผู้นำที่มีความมั่นใจอย่างเต็มเปี่ยมนั้น เกิดจากการมีทีมงานที่ดี มีการทำการบ้านอย่างหนัก มีการเตรียมข้อมูลที่เพียบพร้อม มีการวางแผนมาเป็นอย่างดี และเป็นผู้นำที่มีความร่วมสมัยกับโลกในยุคปัจจุบัน
  89. คุณไม่สามารถเอาเครื่องเล่นเทปคาสเซ็ทมาใช้เล่นเพลงบน spotify ได้ เพราะโลกของเรามีการหมุนไปข้างหน้าอยู่ตลอดเวลา เราจำเป็นที่จะต้องใช้วิธีใหม่ ๆ ที่วิธีเก่า ๆ เดิม ๆ ไม่สามารถใช้ได้แล้ว
  90. เราควรมีแผนสำรองเอาไว้เสมอ หากแผนหลักไม่สามารถใช้ได้
  91. จุดอ่อนของสตาร์ทอัพที่พยายามจะมา disrupt หรือเปลี่ยนแปลงในอุตสาหกรรมนั้น ๆ โดยปกติแล้วก็จะถูกสบประมาทว่ามีประสบการณ์น้อย งบน้อย มีทรัพยากรไม่เพียงพอ แต่ก็ต้องพยายามหาวิธีเพิ่มทรัพยากร และเปลี่ยนมันให้กลายเป็น main stream ที่อยู่ในกระแสหลักให้ได้
  92. ถ้าเราสามารถคาดการณ์ล่วงหน้าว่าในอนาคตจะมีอะไรเกิดขึ้นบ้าง แล้วเตรียมพร้อมรับมือเอาไว้ ก็ไม่มีอะไรต้องกังวล ไม่มีสิ่งใดสามารถทำอะไรเราได้
  93. วันนี้อาจจะยังทำไม่ได้ แต่พรุ่งนี้จะต้องดีกว่าเมื่อวาน
  94. เราไม่มีทางเลือก เพราะเรามีอยู่ทางเดียวก็คือ การพยายามทำหน้าที่ให้ดีที่สุด และเดินหน้าต่อไปจนกว่ามันจะเกิดขึ้นจริง
  95. ผมไม่ค่อยสนใจในคำพูดที่สวยหรูมากนัก แต่สิ่งที่ผมสนใจก็คือการลงมือทำมันให้สำเร็จมากกว่า
  96. อย่ามองในสิ่งที่กำลังทำในช่วงระยะเวลาสั้น ๆ แต่จงมองเกมในระยะยาว
  97. ถ้าคุณไม่พูด คุณก็จะไม่มีตัวตน คุณต้องกล้าที่จะพูด
  98. ใส่ใจกับสุขภาพของตนเองเยอะ ๆ ฝึกโยคะ ฝึกการหายใจ ออกกำลังกายบ่อย ๆ เป็นสิ่งที่คนที่หวังดีมักจะพูดกับเราอยู่บ่อย ๆ แต่เราก็ไม่ค่อยได้ทำมัน
  99. ถ้าคุณทิมในวัย 42 ปี สามารถย้อนเวลากลับไปบอกตัวเองในวัย 22 ปีได้ เขาจะบอกกับตัวเองว่า ให้ฟังเสียงในใจของตัวเอง มากกว่าเสียงของผู้อื่น หรือบางทีก็อยากจะบอกว่า ให้ซื้อหุ้นบางตัวเอาไว้ หรือซื้อ bitcoin เก็บเอาไว้บ้าง เพื่อเอามาขายในช่วงนี้ แต่ถ้าทำแบบนั้นได้ เขาก็คิดว่า มันก็คงไม่แฟร์กับตัวเองในปัจจุบันนี้สักเท่าไหร่นัก แต่ไม่ว่าจะยังไง เขาก็คงจะยังดำเนินวิถีชีวิตในแบบเดิมที่เคยเป็นมา นั่นก็คือ การโฟกัสในสิ่งที่ผมต้องการที่จะทำมันจริง ๆ แล้วผลักดันให้มันสำเร็จได้มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้
  100. Hope over Fear ความหวังอยู่เหนือความกลัวเสมอ

Resources