Blue O'Clock

สตูดิโอผลิตและพัฒนาสื่อการเรียนรู้ด้านการลงทุน ธุรกิจ จิตวิทยาและการพัฒนาตนเอง อย่างไม่มีที่สิ้นสุด

How to

15 กฎการเงิน มั่งคั่งตลอดชีวิต by Grant Cardone

Grant Cardone เจ้าพ่ออสังหาริมทรัพย์ เจ้าพ่อโซเชียลมีเดีย และเจ้าพ่อนักขาย ที่มีความมั่งคั่งกว่า $600 ล้านดอลล่าร์ฯ เนื้อหานี้เขาจะมาแชร์ 15 กฎการเงิน ที่เขาใช้สร้างความมั่งคั่งมายาวนานกว่า 45 ปี ที่หากปฏิบัติตามนี้ ก็มีโอกาสสร้างตัวจากศูนย์สู่การเป็นเศรษฐีได้เช่นกัน

Rule 1: Never Spend more than you earn อย่าใช้จ่ายเกินกว่าที่ตัวคุณหาได้

โดยลุง Grant หรือ Uncle G บอกว่า เขาใช้วิธีนี้มาตั้งแต่อายุ 25 ปี เพราะถ้าเขาไม่มีเงิน เขาก็จะไม่ใช้จ่าย สมมติว่าถ้าเขาหาเงินได้ $2,000 เขาก็จะใช้จ่ายไม่เกิน $2,000 เขาจะไม่ใช้จ่ายเกินกว่าที่หามาได้โดยเด็ดขาด

และแม้ว่าเขาจะทำการขายปิดดีลเงินก้อนใหญ่มาก็ตาม แต่หากเงินยังไม่ถูกโอนเข้าบัญชี เขาก็จะไม่นับว่าเขาได้เงินก้อนนั้น ไม่ใช่ว่า พอปิดการขายได้ ก็รีบออกไปใช้เงินโดยทันที ทั้ง ๆ ที่ส่วนแบ่งหรือกำไรจากการขายยังไม่ได้รับซะด้วยซ้ำ

Rule 2: If you can’t write it off, don’t buy it ถ้าสิ่งนั้นใช้ลดหย่อนภาษีไม่ได้ จงอย่าซื้อมัน

Grant Cardone บอกว่า กฎหารเงินข้อนี้ ใช้ในระหว่างที่ตัวของคุณเติบโต กำลังสร้างฐานะอยู่ แต่ถ้าคุณรวยอย่าง Elon Musk, Bill Gates หรืออย่าง Warren Buffett แล้วล่ะก็ ตอนนั้นคุณอยากจะทำอะไรก็ทำ ทำในสิ่งที่คุณต้องการได้เลย แต่หากคุณยังไม่รวยเหมือนพวกเขาเหล่านั้น ก็ให้ใช้กฎที่ว่า ถ้าหากสิ่งที่คุณจ่ายมันไม่สามารถนำไปใช้ในการลดหย่อนทางภาษีได้ จงอย่าจ่ายสิ่งนั้น เช่น ถ้าหากตัวของเขาพาภรรยาไปดินเนอร์กันสองคน หมดเงินไป $200 สิ่งนั้นมันไม่สามารถใช้ในการลดหย่อนภาษีทางธุรกิจได้

แต่ในขณะที่หากตัวของเขากับภรรยา พาลูกค้าสองคนไปทานข้าวด้วยกัน คิดเป็นเงิน $400 นั้น แต่สามารถนำไปใช้ลดหย่อนภาษีได้ 100% เขาก็เลือกที่จะจ่ายเงินค่าดินเนอร์ที่ไปกับลูกค้าแบบ $400 ที่สามารถนำไปใช้ในการลดหย่อนภาษีได้ มากกว่าที่จะใช้จ่าย $200 ที่ถูกกว่า แต่ไม่สามารถนำไปลดหย่อนอะไรได้เลย

หรืออย่างรถยนต์ส่วนตัวนั้น ต่อให้เขามีเงินสดซื้อรถได้ทั้งคัน แต่ถ้ามันไม่สามารถนำไปลดหย่อนได้เขาก็จะไม่ซื้อมัน แต่ในทางกลับกัน หากเขาเช่ารถคันนั้นแล้วค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นสามารถนำไปลดหย่อนภาษีได้ เขาก็เลือกที่จะเช่ารถคันนั้นมากกว่าที่จะซื้อมัน

Rule 3: Know your cost of living รู้ค่าครองชีพของตัวคุณ

Grant Cardone บอกว่า เขารู้สึกช็อคมากที่รู้ว่าผู้คนจำนวนมาก พวกเขาไม่รู้ว่าพวกเขามีรายได้เท่าไหร่ ต้องจ่ายภาษีเท่าไหร่ จ่ายค่าบ้านเท่าไหร่ จ่ายค่ารถเท่าไหร่ ค่าน้ำค่าไฟเท่าไหร่ ค่าสาธารณูปโภคเท่าไหร่ ค่าใช้จ่ายเรื่องลูก ๆ เท่าไหร่ ค่าทานข้าวนอกบ้านเท่าไหร่ จ่ายค่าแท็กซี่ไปแล้วกี่บาท

ซึ่งถ้าคุณไม่รู้ตัวเลขต่าง ๆ เหล่านี้ คุณก็จะไม่สามารถควบคุมในสิ่งที่คุณทำมันอยู่ได้

ดังนั้น สิ่งแรกที่คุณต้องทำก็คือ คุณจะต้องรู้ตัวเลขรายรับ รายจ่าย ทุกบาททุกสตางค์ ที่เกิดขึ้นว่าเงินมันไหลไปทางไหนบ้าง ไม่ว่าจะเป็น ลูก ๆ ของคุณใช้จ่ายในเรื่องใดบ้าง ภรรยาของคุณซื้อของอะไรไปเท่าไหร่บ้าง คุณเติมน้ำมันรถไปแล้วกี่บาท ค่าน้ำมันเครื่อง ค่ายางรถยนต์กี่บาท ฯลฯ

โดย Grant Cardone บอกว่า ให้คุณลองนำตัวเลขรายจ่ายทั้งหมดในช่วง 90 วันที่ผ่านมา แล้วหารด้วย 3 คุณก็จะได้ค่าเฉลี่ยสำหรับค่าครองชีพในแต่ละเดือนของตัวคุณ ที่คุณจะต้องจ่ายในทุก ๆ เดือนเพื่อใช้ในการดำรงชีพ และเรียนรู้ที่จะควบคุมมันและเรียนรู้ที่จะใช้มันเพื่อให้ชีวิตก้าวหน้าและเติบโต

Rule 4: Never lend money อย่าให้ใครยืมเงินเด็ดขาด

Grant Cardone บอกว่า ตัวคุณไม่ใช่ธนาคาร ไม่ใช่นายแบงค์ ไม่ใช่ตู้ ATM ไม่ใช่บัตรเครดิต ที่จะให้ใครมากดเงิน หรือรูดบัตรได้ เพราะคุณมีชื่อของคุณ ที่ไม่ใช่ชื่อ VISA หรือ MasterCard

ดังนั้นจงท่องเอาไว้เสมอว่า ชีวิตฉัน ฉันต้องหารายได้ ฉันต้องหาเงินมาดูแลครอบครัว ฉันต้องหาเงินเพื่อดูแลธุรกิจของฉัน ฉันต้องสร้างความมั่งคั่งให้กับตัวฉันเอง ฉันต้องได้ทรัพย์สินมาอย่างถูกต้อง

และแม้ว่าตัวคุณในตอนนั้นจะมั่งคั่งแล้วก็ตาม คุณก็ไม่ควรให้ใครยืมเงินเลย โดยเฉพาะกับเพื่อนและคนในครอบครัว อย่าทำโดยเด็ดขาด อย่าพยายามไปแก้ปัญหาเรื่องเงินให้พวกเขา เพราะในท้ายที่สุดแล้วพวกเขาเหล่านั้น จะลากคุณเข้าไปในปัญหาการเงินของพวกเขา ซึ่งส่วนตัวของ Grant Cardone เองนั้น เขาเคยพลาดให้คนอื่นยืมเงินไปครั้งหนึ่งเมื่อตอนที่เขาอายุได้ประมาณ 30 ปี ซึ่งเหตุการณ์นั้น มันทำให้เขารู้สึกผิดหวังมาก ๆ

ดังนั้น เขาบอกได้เลยว่า เขาจะไม่ให้ใครยืมเงินจากเขาอีกเด็ดขาด เพราะถ้าขนาดแบงค์ยังไม่ให้เงินพวกเขา พวกเขาก็ไม่ควรได้เงินจากเราไปเช่นกัน

Rule 5: If it don’t cashflow say NO ลงทุนเฉพาะในทรัพย์สินที่มีกระแสเงินสด ถ้าไม่ให้ทิ้งมันไป

หลายคนอาจไม่เห็นด้วยกับ Grant Cardone ในจุดนี้ เพราะมันหมายความว่าเราไม่ควรซื้อบ้านเลย โดยเขาให้เหตุผลว่า บ้านนั้นมันไม่ได้ช่วยสร้างกระแสเงินสดให้ เพราะเมื่อคุณตัดสินใจซื้อบ้านด้วยสินเชื่อระยะยาวถึง 30 ปี คุณต้องเป็นฝ่ายจ่ายเงินออกไปไม่หยุดหย่อน บ้านไม่ได้ช่วยเพิ่มรายได้ให้คุณเลย มันมีแต่จะดึงเงินออกจากกระเป๋าของคุณ

ซึ่งนี่คือเหตุผลที่ Grant Cardone เขาชี้แนะว่า ในช่วงที่กำลังสร้างฐานะ สร้างเนื้อสร้างตัวอยู่ ควรลงทุนในสิ่งที่สามารถสร้างกระแสเงินสดได้จริง มากกว่าที่จะซื้อรถยนต์ซึ่งมันไม่สามารถสร้างรายได้เพิ่มเติมให้คุณได้ ยกเว้นเสียแต่ว่าคุณซื้อรถที่สามารถปล่อยเช่าให้แก่ผู้อื่นได้ นั่นจึงจะทำให้คุณมีกระแสเงินสดที่ต่อเนื่องจากรถยนต์ ยกตัวอย่างเช่น ถ้าคุณอยากมีลัมโบร์กินีสักคัน แล้วทำการปล่อยเช่าทุกวันหยุดสุดสัปดาห์ มันจะทำให้คุณได้กระแสเงินสดที่ดีเลยทีเดียว

หรือคุณอาจจะซื้ออพาร์ตเมนต์ 4 units เก็บค่าเช่าสัก 3 units แล้วอีก 1 unit คุณก็อยู่แบบฟรี ๆ ไป เพราะเอาค่าเช่าจาก 3 units มาช่วยจ่ายค่าเช่าให้ หลังจากหักเงินที่ต้องส่งผ่อนธนาคารไปแล้ว นั่นแหละคือการลงทุนที่สามารถสร้างกระแสเงินสดได้จริง

แต่ถ้าคุณเลือกที่จะซื้อบ้านเพื่ออยู่อาศัยเอง สิ่งที่คุณจะต้องจ่ายก็คือ ค่าสินเชื่อ, ค่าดอกเบี้ย, ค่าซ่อมบำรุง, ภาษีทรัพย์สิน ฯลฯ ซึ่งนั่นมันไม่ใช่การลงทุนที่ฉลาดเอาซะเลย เพราะมันไม่ได้ช่วยให้คุณมีกระแสเงินสดเพิ่มขึ้นในกระเป๋าของคุณได้

ดังนั้น ถ้ามันไม่สามารถสร้างกระแสเงินสดกลับคืนมาให้เราได้ ให้ Say NO

Rule 6: Never gamble with money อย่าเล่นการพนันโดยมีเงินเป็นเดิมพัน

อย่าเสี่ยงโชคด้วยเงิน เว้นเสียแต่ว่าคุณจะมั่นใจว่าคุณจะชนะในเกมนั้น อาจจะเล่นขำ ๆ ได้ แต่อย่าเอาเงินมาเป็นเดิมดันอย่างเด็ดขาด หยุดเดิมพันในตลาดหุ้น, หยุดเดิมพันกับ NFTs, หยุดเก็งกำไรกับเหรียญคริปโตฯ , หยุดไปบ่อนคาสิโน แม้แต่จะหยอดเหรียญลงไปในเครื่องสล็อตแม้แต่เพียงเหรียญเดียวก็อย่าทำ ซึ่งหลายคนอาจจะบอกว่า “มันแค่เหรียญเดียวเองนะ” นั่นแหละ ไอ้คำว่า ‘แค่’ นั้นแหละ คือจุดหายนะทางการเงินเลย

Rule 7: Limit spending to passive income จำกัดการใช้จ่ายให้อยู่ในวงเงินที่มีรายได้แบบ passive income

ถ้าให้เรียงลำดับความสำคัญของค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ที่มีความสำคัญจากลำดับที่ 1 ถึง 5 แล้วนั้น ลำดับที่ 1 และ 2 มักจะเป็นเรื่องที่สำคัญมากหรือมากที่สุด ยังไงก็ต้องจ่าย ไม่จ่ายไม่ได้ แต่ในขณะที่เรื่องรองลงมาที่มีความสำคัญลงมาอย่างลำดับที่ 3 และ 4 อาจเป็นเรื่องที่จำเป็นหรือไม่จำเป็นก็ได้ แต่ลำดับที่ 5 คือค่าใช้จ่ายแบบเผาผลาญ ใช้จ่ายไปกับเรื่องไร้สาระ

ดังนั้น ค่าใช้จ่ายในลำดับที่ 3 4 5 นั้น ควรจะทำเฉพาะกับรายได้ที่คุณได้มาแบบ passive income เท่านั้น ซึ่งรายได้แบบ passive income นั้น คือรายได้ที่ไม่ใช่มาจากการที่เราเอาแรงเอาเวลาไปแลกเงินมา แต่ passive income เป็นรายได้ที่มาจากการลงทุนในบางสิ่ง ที่สิ่งนั้นยังคงจ่ายเงินให้อยู่เรื่อย ๆ ซึ่งเงินที่ได้จาก passive income ก้อนนี้แหละ ที่คุณสามารถเอาไปซื้อทริปเรือยอทช์ นาฬิกา สร้อยข้อมือ หรือสร้อยคอ

สรุปก็คือ รายได้แบบ passive income คือเงินที่ได้มาจากการลงทุน ไม่ใช่รายได้ที่มาจากการแลกเวลาเป็นเงิน

Rule 8: Pay off credit card every 30 days ชำระบัตรเครดิตทุกสิ้นเดือน

Grant Cardone บอกว่า ไม่ว่าจะเป็นบัตรเครดิตของเจ้าใดก็ตาม มันมีประโยชน์สำหรับเขามากเรื่องหนึ่งเลยก็คือ ทุกครั้งที่เขารูดบัตร มันจะมีการบันทึกค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ว่าในแต่ละเดือนนั้น เขาใช้จ่ายไปกับเรื่องใดบ้าง มันเป็นเสมือนโปรแกรมบัญชีอย่างย่อของเขาเลย โซึ่งเขาใช้บัตรเครดิตใช้จ่ายทุกอย่างทุกสิ่งทุกอย่าง เพื่อที่ว่า เขาจะสามารถติดตามการใช้จ่ายของตัวเขาเองได้

และทุก ๆ สิ้นเดือน เขาก็จะชำระยอดรูดบัตรทั้งหมด เพราะถ้าคุณจ่ายไม่ทันสิ้นเดือนหรือจ่ายไม่ครบ คุณจะโดนดอกเบี้ยอย่างมหาโหด แต่ถ้าหากคุณจ่ายยอดเต็มและจ่ายภายในเวลาที่กำหนด คุณจะมีแต่ได้กับได้

คุณไม่จำเป็นที่จะต้องทิ้งมันไป หรือเอากรรไกรตัดขาดมันออกเป็นสองท่อน และนอกจากนั้นเวลาที่ใช้บัตรเครดิต คุณก็จะดูแตกต่างอย่างมีเอกลักษณ์ เวลาที่เขาจะไปร้านอาหารและใช้บัตรเครดิต เขาจะไม่จ่ายด้วยเงินสด เพราะเงินสดนั้นสามารถถูกขโมยได้ ถือเอาไว้มูลค่าก็ลดลง และสามารถสูญหายได้

และนอกจากนั้น เมื่อคุณมีเงินสด คุณมักจะใช้จ่ายเกินตัว ซึ่งข้อดีอีกอย่างหนึ่งที่เขาชอบมากเลยก็คือ ในตอนท้ายของปีที่เขาต้องส่งงบการเงินนั้น เขาไม่ต้องส่งใบเสร็จรับเงินมากมายไปยังกรมสรรพากรเพื่อบอกว่า นี่คือบิลค่าใช้จ่ายต่าง ๆ เพราะบริษัทบัตรเครดิตได้ทำรายงานตลอดทุกเดือนทั้งปีให้เขาแบบฟรี ๆ เสร็จเรียบร้อย ดังนั้นให้ชำระหนี้บัตรเครดิตของคุณทุกเดือนด้วยยอดเต็มทุกครั้ง

Rule 9: Rent don’t buy ให้เช่า อย่าซื้อ

Grant Cardone บอกว่าถ้าเป็นที่พักในช่วงสร้างตัวก็ให้เช่าอยู่ไปก่อน จนกว่าคุณจะร่ำรวยมาก ๆ จริง ๆ คุณไม่จำเป็นต้องเป็นเจ้าของที่พัก บ้าน หรือแม่แต่รถยนต์ก็ให้ใช้รถเช่า ให้เช่าทุกอย่างที่คุณสามารถทำได้ จะได้ไม่ต้องมีภาระผูกพันในการเป็นเจ้าของในสิ่งนั้น ๆ อย่าปล่อยให้ตัวเองต้องผูกพันกับสินเชื่อบ้านที่ผ่อนกันอย่างยาวนานกว่า 20 หรือ 30 ปี

หรือแทนที่จะทำการกู้ยืมเงิน 7 ปี แต่จริง ๆ แล้วสามารถเช่ามันใช้เพียงแค่ 2 ปี ก็ไม่จำเป็นที่จะต้องขอสินเชื่อเพื่อเป็นภาระผูกพัน

ดังนั้นให้เช่าอยู่จนกว่าคุณจะมีทรัพย์สินมหาศาล และแม้กระทั่งตอนนั้นที่คุณรวยแล้ว คุณอาจยังอยากเช่าอยู่ก็เป็นได้

Rule 10: Quit buying ‘STUFF’ หยุดซื้อสิ่งของไร้สาระ

เกมการเงิน มันคือเกมการสะสม Asset หรือสินทรัพย์ ไม่ใช่เกมสะสมของวิบวับแวววาวอย่าง พวกนาฬิกาข้อมือ สร้อยคอ ทองคำ หรืออะไรที่มันวิบวับ ๆ เอาไว้ประดับกาย

ซึ่งสำหรับตัวของ Grant Cardone แล้วนั้น เขาเลือกที่จะสะสม Asset โดยเฉพาะการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์จริง ที่สามารถสร้างกระแสเงินสดออกมาได้จริง

และลุง Grant ก็บอกว่า ควรทำแบบนี้สำหรับลูก ๆ ของคุณด้วย จงหยุดซื้อของเล่นแสนแพงให้กับพวกเขา แล้วเริ่มเป้าหมายในใจใหม่เอาไว้ว่า อยากให้เด็ก ๆ มีอสังหาริมทรัพย์ เป็น Asset ส่งต่อให้พวกเขา เพราะเมื่อวันเวลาผ่านไป พวกเขาจะเติบโตขึ้น และเติบโตเกินกว่าที่จะเล่นพวกของเล่นพลาสติกและของไร้สาระที่คุณหาซื้อมาให้พวกเขา

ดังนั้น หากคุณนำเงินไปลงทุนใน Asset อย่างอสังหาริมทรัพย์ ที่นอกจากมูลค่าของมันจะเพิ่มขึ้นในอนาคตแล้ว ในระหว่างที่รอลูก ๆ โตนั้น ครอบครัวของคุณ ก็สามารถเก็บเกี่ยวกระแสเงินสดที่เกิดขึ้นจากทรัพย์สินนั้น ๆ ได้อีกด้วย ดังนั้น คุณลองเลือกเอาว่า จะนำเงินนั้นไปซื้อของเล่นที่แสนแพงที่เดี๋ยวอีกหน่อยเด็ก ๆ ก็เบื่อ ไม่เล่นมันแล้ว กับระหว่างนำเงินดังกล่าวไปลงทุนใน Asset

Rule 11: No Allowances ไม่มีเบี้ยเลี้ยง

ในข้อนี้ Grant Cardone เขาจะสอนวิธีการเลี้ยงลูก ๆ ของเขาให้รู้จักคุณค่าของการทำงาน หาเงิน ใช้เงิน และลงทุน ดังนั้น คำแนะนำของเขาก็คือ จงหยุดให้เงินเด็กๆ แบบเปล่า ๆ เพราะลูก ๆ ของคุณไม่ควรได้รับเงินเบี้ยเลี้ยง เพียงเพราะเป็นลูก พวกเด็ก ๆ ควรได้รับโอกาสในการฝึกทำงานแล้วค่อยจ่ายเงินให้

โดย Grant Cardone บอกว่า ลูก ๆ ของเขาไม่เคยได้รับเงินเบี้ยเลี้ยงเลยในชีวิตเลย ลูก ๆ จะต้องทำงานแล้วค่อยจ่ายเงินให้ ซึ่งมีการเซ็นต์สัญญาว่าจ้างตามเอกสารสัญญา พวกเขาต้องทำงานบ้านและหน้าที่ต่างๆ ที่ได้รับมอบหมายเพื่อให้ได้เงินตามตกลงในสัญญา

นอกจากนั้นรายจ่ายก้อนนี้ยังสามารถหักลดหย่อนภาษีให้กับบริษัท Grant Cardone University ได้ด้วย

ส่วนพวกเด็ก ๆ เมื่อมีรายได้แล้ว ก็ต้องมีการจ่ายภาษีเงินได้ ก็ต้องรับผิดชอบในส่วนนี้ของตนเองด้วย

โดย Grant บอกว่า เขาจะจ่ายเงินเดือนให้ลูก ๆ แบบรายเดือน เพื่อเอาไว้ใช้จ่าย และจะมีเงินก้อนรายปี แต่เขาจะสอนให้ลูก ๆ นั้นเอาไปลงทุน แล้วห้ามแตะเงินลงทุนก้อนนั้นเด็ดขาด เพราะเขาจะแสดงให้เด็ก ๆ เห็นว่า เมื่อทรัพย์สินที่มีปันผลมากพอกับค่าใช้จ่ายรายเดือน พวกเขาก็จะได้เรียนรู้ว่าควรจะจัดการกับทรัพย์สินอย่าง ควรจะบริหารกระแสเงินสดในแต่ละเดือนอย่างไร นั่นแหละคือวิธีที่ Grant Cardone ใช้สอนลูก ๆ ของเขา

Rule 12: Never Mix Accounts อย่าเอาบัญชีธุรกิจกับส่วนตัวมาปนกัน

โดย Grant Cardone บอกว่า ส่วนตัวของเขานั้น จะใช้วิธีการแยกบัญชีส่วนตัวกับบัญชีธุรกิจ โดยใช้บัตรเครดิตคนละใบ ยกตัวอย่างเช่น เครดิตการ์ดใบที่ 1 เขาจะใช้มันในการรูดจ่ายกับค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นของบริษัทอย่างเดียวเท่านั้น ส่วนเครดิตการ์ดใบที่ 2 เขาก็จะใช้มันเพื่อใช้จ่ายส่วนตัวอย่างเดียวเท่านั้น

ซึ่งการทำแบบนี้ พอทำรายงานส่งสรรพากรก็จะทำได้โดยง่าย เพราะรายการจากเครดิตการ์ดใบแรกก็ส่งสรรพากรว่าเป็นรายจ่ายที่เกิดขึ้นภายในบริษัท ส่วนรายจ่ายที่เกิดขึ้นภายในเครดิตการ์ดใบที่สองเกิดจากค่าใช้จ่ายส่วนตัว

ดังนั้น อย่าเอาค่าใช้จ่ายระหว่งภายในบริษัทกับค่าใช้จ่ายส่วนตัวมาปนกัน

Rule 13: Keep Separate Accounts แยกบัญชีระหว่างสามีกับภรรยา

Grant Cardone บอกว่า ควรมีบัญชีแยกกันเมื่อคุณแต่งงาน ไม่มีเหตุผลที่จะรวมบัญชีของคุณเข้าไว้ด้วยกันเลย แม้ว่าคุณจะเป็นสามีภรรยากันก็ตาม ซึ่งการทำแบบนี้จะทำให้แต่ละคนฝึกรับผิดชอบเงินของตัวเองได้ ภรรยาของเขาและตัวของเขานั้นมีบัญชีแยกกัน ไม่ใช่เพราะเขาไม่เชื่อใจภรรยา แต่เป็นเพราะเขาเชื่อใจภรรยา เชื่อใจว่าเธอจะสามารถจัดการการเงินของตัวเธอเองได้

และในท้ายที่สุด การแยกบัญชีกันก็จะทำให้เราเห็นว่า ใครมีสุขภาพการเงินที่ดี และใครที่มีสุขภาพการเงินที่ไม่ดี ที่ต้องได้รับการแก้ไข

Rule 14: No Show Me, No Go With Me ถ้าไม่แสดงตัวเลขการเงิน ก็อย่าหวังว่าจะทำธุรกิจด้วยกัน

Grant Cardone บอกว่า ถ้าคุณคิดจะทำธุรกิจกับใครสักคนและเขาคนนั้นไม่ยอมเปิดเผยข้อมูลทางการเงินให้คุณดู คุณต้องวิ่งหนีไปให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้

เมื่อคุณจะทำธุรกิจกับใคร ลงทุนเงินในธุรกิจของใคร ลงทุนในโครงการหรือในอสังหาริมทรัพย์ของใครก็ตาม และเขาคนนั้นไม่ยอมบอกคุณว่าภาพรวมทางการเงินทั้งของส่วนตัวและการเงินของธุรกิจนั้นเป็นอย่างไร ถ้าเขาไม่ยอมแสดงบัญชีธนาคาร ประวัติการล้มละลาย ประวัติการเงิน บัญชีเงินสด บัญชีการลงทุน รายได้ของเขา Grant Cardone เขาก็บอกได้เลยว่า อย่าแค่วิ่งหนี แต่ให้บินออกไปให้เร็วที่สุดเท่าที่ทำได้

ถ้าเขาคนนั้นบอกว่า ‘ฉันไม่สามารถแชร์ตัวเลขทางการเงินได้ เพราะมันเป็นเรื่องส่วนบุคคล’ ก็ให้เขาอยู่แบบส่วนบุคคลต่อไป เราอย่าไปยุ่งกับเขา

ซึ่งถ้าคุณอยากรู้เรื่องการเงินของคน ๆ นั้น ก็ให้คุณไปสอบถามกับทางธนาคารว่า คน ๆ นั้น มีสถานะการเงินเป็นอย่างไร เพราะพวกธนาคารรู้ความเคลื่อนไหวของการเงินคน ๆ นั้นทั้งหมด (ถ้าเขาอยู่ในระบบอ่ะนะ)

ดังนั้น ก่อนที่คุณจะไปพัวพันกับใคร ค้นหาข้อมูลทางการเงินของพวกเขาสักหน่อย ถ้าเขาไม่ยอมแสดง นั่นหมายความว่าถึงเวลาบอก ‘ลาก่อน’ ได้เลย

Rule 15: Avoid People With Money Problems อยู่ให้ห่างจากคนที่มีปัญหาด้านการเงิน

โดย Grant Cardone บอกว่า ให้หนีจากพวกเขาเหมือนกับหนีจากโรคระบาดเลย เพราะปัญหาการเงินของพวกเขานั้นมันสามารถติดต่อกันได้ ถ้าคุณคลุกคลีอยู่กับพวกเขา ในไม่ช้าปัญหาเรื่องเงินของพวกเขาจะกลายเป็นปัญหาเงินของคุณไปด้วย

ดังนั้น ให้พวกเขาไปแก้ปัญหาการเงินของตัวเองเสียก่อน แล้วค่อยว่ากัน

ซึ่งหลายคนอาจจะบอกว่า ‘โอ้โห Grant นายนี่มันคบเพื่อนมองแต่เรื่องเงินทั้งนั้นเลยนะ’ แต่ Grant เขาบอกว่า นั่นแหละคือเหตุผลที่เนื้อหาที่มันถูกเรียกว่า ‘เคล็ดลับเรื่องเงินที่ไม่มีการต่อรองใด ๆ ทั้งสิ้น’ เพราะนี่คือเรื่องของกฎการเงิน

Resources