Blue O'Clock

สตูดิโอผลิตและพัฒนาสื่อการเรียนรู้ด้านการลงทุน ธุรกิจ จิตวิทยาและการพัฒนาตนเอง อย่างไม่มีที่สิ้นสุด

How to

4 อุปนิสัยการเงินที่ทำแล้วรวย by Kevin O’Leary

Kevin O’Leary คือ นักธุรกิจและนักลงทุนมหาเศรษฐีจากรายการ Shark Tank รายการที่พวกเขาใช้เงินลงทุนกับผู้ประกอบการดาวรุ่งในรายการแบบลงทุนด้วยเงินจริง ได้จริง เจ็บจริง โดยในปี 2021 เขามีทรัพย์สินอยู่ที่ 400 ล้านดอลล่าร์ฯ หรือราว ๆ 12,000 ล้านบาท และนี่คือ 4 อุปนิสัยการเงินที่ทำแล้วรวย

อุปนิสัยที่ 1 – Stop buying things you don’t need จงเลิกซื้อของที่ไม่จำเป็นต้องใช้

คุณรู้หรือไม่ว่า สังคมของเราทุกวันนี้ถูกออกแบบมาเพื่อให้ผู้คนในสังคมออกมาจับจ่ายใช้สอยของอุปโภคบริโภคที่เกินความจำเป็นอยู่ตลอดเวลา ไม่ว่าจะเป็นการทำการตลาด การทำโฆษณาผ่านสื่อต่าง ๆ ซึ่งเป็นหลักของโลกทุนนิยม ที่ทำให้ผู้คนมีความต้องการมากเกินความจำเป็น แม้ว่าสิ่งเหล่านั้นจะเป็นหนึ่งในปัจจัย 4 ที่สำคัญของมนุษย์ก็ตามที ยกตัวอย่างที่เห็นภาพได้ชัดขึ้น เช่น เครื่องนุ่งห่ม หรือเสื้อผ้านี่แหละ ที่แต่เดิมที แค่เรามีเสื้อผ้าไม่กี่ชุดเอาไว้ใส่เพื่อเพิ่มความอบอุ่นให้กับร่างกาย แต่ในปัจจุบันการตลาดมันทำให้เราอยากมีเสื้อผ้าเพิ่มมากเกินความจำเป็น จนในหลายต่อหลายครั้ง ชุดที่เราซื้อมาก็ไปกองดองกันอยู่ที่ตู้เสื้อผ้า ที่บางชุดเคยใส่แค่ครั้งเดียวหรือบางชุดก็ไม่เคยใส่มันเลยสักครั้ง จนกระทั่งเสื้อผ้ามันเต็มตู้ แล้วท้ายที่สุดคุณก็ตัดสินใจว่าจะนำเสื้อผ้าบางส่วนไปบริจาค

คำถามก็คือ แล้วเราซื้อมันมาทำไมกันหว่า? ก็เพราะกลไกของสังคมถูกออกแบบมาให้เราจับจ่ายใช้สอย ไม่เน้นเก็บออม เพราะออมเงินในแบงค์แล้วก็ไม่เห็นจะได้ดอกเบี้ยมากมายอะไร เอาเงินมาจับจ่ายใช้สอยปรนเปรอตนเองเพื่อซื้อความสุขในวันนี้เลยดีกว่า

ซึ่งคำแนะนำของ Kevin ก็คือ แทนที่คุณจะกันงบเอาไว้ดื่มกาแฟแพง ๆ แก้วละ 100 บาทในทุก ๆ วัน (ซึ่งหากคนไหนบอกว่า ชีวิตฉันขาดกาแฟไม่ได้ ก็ไม่จำเป็นจะต้องเลิกดื่มมันก็ได้ แต่เพียงแค่คุณไปกันเงินจากของฟุ่มเฟือยอย่างอื่นแทน)ให้คุณเปลี่ยนเป็นเอาเงินจำนวน 100 บาทในทุก ๆ วันไปลงทุนที่ให้ผลตอบแทนเฉลี่ยปีละ 7%-8% แล้วปล่อยให้ดอกเบี้ยทบต้นไปเรื่อย ๆ โดยที่ไม่ต้องถอนกำไรออกมาใช้ (เพราะถ้าหากคุณนำเงินก้อนนี้ไปซื้อของฟุ่มเฟือย คุณก็สูญเสียเงินเหล่านี้ไปแบบไม่มีวันได้คืนกลับมาอยู่แล้ว) คุณจะพบว่า เงินวันละ 100 บาท เดือนนึงก็ได้ประมาณ 3,000 บาท ปีนึงก็ได้ 36,500 บาท นี่ยังไม่รวมกับอัตราผลตอบแทนที่ได้จากการลงทุนซะด้วยซ้ำ ซึ่งแค่คุณเลิกใช้เงินกับของฟุ่มเฟือยเกินความจำเป็น แล้วแบ่งทีละเล็กทีละน้อยไปลงทุน ชีวิตของคุณก็จะเปลี่ยนไปในทิศทางที่ดีขึ้นตลอดกาล

อุปนิสัยที่ 2 – Pay off your credit card debt จ่ายหนี้บัตรเครดิตให้หมด

อัตราดอกเบี้ยบัตรเครดิตทั่วโลก ส่วนใหญ่จะมีอัตราดอกเบี้ยอยู่ในช่วงประมาณ 15% – 25% ต่อปี ซึ่งมันเป็นอัตราดอกเบี้ยที่สูงมาก ซึ่งหากคุณหลวมตัวไปผ่อนบัตรเครดิตขั้นต่ำเมื่อไหร่ ดอกเบี้ยจะวิ่งทันที และด้วยอัตราดอกเบี้ยที่สูงขนาดนี้ การที่คุณจะหาเงินจากการลงทุนมาใช้คืนนั้นแทบเป็นไปได้เลย เพราะตัวของ Kevin เองนั้นเขาบอกว่าลงทุนได้กำไรปีละ 18% นี่ก็เทพแล้ว แต่ก็ยังโตไม่ทันดอกเบี้ยบัตรเครดิตอยู่ดี

ในขณะที่ Kevin นั้นเขาเลือกที่จะเป็นเจ้าของหุ้นของบริษัทบัตรเครดิตซะมากกว่า เพราะเป็นธุรกิจที่ทำกำไรได้อย่างแน่นอนในทุก ๆ ปี แต่จงอย่าเป็นหนี้บัตรเครดิตเป็นอันขาด แต่ถ้าหากคุณได้หลวมตัวเป็นหนี้บัตรเครดิตไปแล้ว ก็จงหาวิธีใช้หนี้ก้อนนี้ให้หมดก่อนให้เร็วที่สุด และให้หยุดการใช้เงินเพิ่มจากวงเงินที่เหลือในทันที หยุดใช้บัตรเครดิตไปเลย อย่าได้ไปหาสมัครบัตรใหม่เพื่อมาก่อหนี้ใหม่หรือนำมาเพื่อหมุนเงินใช้หนี้บัตรใบเก่าเป็นอันขาด

อุปนิสัยที่ 3 – Invest 10% of your income จงนำเงินจำนวน 10% ของรายได้นำไปลงทุนในทุก ๆ เดือน

กรณีที่คุณรับรายได้เป็นรายเดือนสม่ำเสมอในทุก ๆ เดือน ให้คุณลองใช้เครื่องมือจากแอพพลิเคชั่นที่สามารถหักเงินอัตโนมัติไปยังบัญชีการลงทุนได้โดยตรง ยกตัวอย่างเช่นแอพธนาคารที่เปิดให้ลงทุนพวกกองทุนรวม ที่มีผู้จัดการกองทุนเป็นคนคอยบริหารเงินของเราให้ ซึ่งก็ให้เราดูความเสี่ยงของแต่ละกองทุนที่เราสามารถรับความเสี่ยงได้

โดยการทำแบบตัดเงินอัตโนมัตินี้จะช่วยบังคับให้เรา มีเงินออมเพื่อลงทุนในทุก ๆ เดือนทันที เพราะโดยปกติแล้วถ้าไม่หักเงินก่อน มนุษย์เรามีความสามารถใช้เงินจนเกลี้ยงบัญชีได้ตลอดไม่ว่าจะมีน้อยหรือมีมาก ดังนั้นไม่ต้องกังวลไปว่า หักเงินไป 10% แล้วจะไม่พอใช้ เพราะท้ายที่สุดมนุษย์เราก็จะพยายามใช้เงินที่เหลืออยู่ให้รอดไปในแต่ละเดือนได้อยู่เสมอ

อุปนิสัยที่ 4 – Invest in yourself จงลงทุนในตนเอง

แม้หลายคนจะบอกว่า จงใช้เงินต่อเงิน ลงทุนด้วยเงิน เพื่อให้เงินทำงานให้เรา แต่สิ่งที่ลงทุนด้วยเงินนั้น มันไม่ได้มีด้านที่กำไรเพียงอย่างเดียว มันมีด้านที่ติดลบหรือขาดทุนด้วย

แต่ในขณะที่การลงทุนในตนเองนั้น ไม่มีคำว่าขาดทุน มีแต่ได้ประสบการณ์และได้กำไรล้วน ๆ ซึ่งสิ่งที่เราควรลงทุนในตนเองก็คือ การพัฒนาทักษะในสาขาอาชีพการงานของเราในแต่ละด้านให้มันดียิ่งขึ้น ซึ่งมันจะส่งผลให้เรามีความรู้ความสามารถและมีศักยภาพในการทำงานที่มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ผลงานมีคุณค่าราคาที่สูงขึ้น

โดยให้คุณจัดเวลาในการลงทุนกับตนเองในช่วงหลังเลิกงานประจำ ไม่ก็ในช่วงยามว่าง ซึ่งแทนที่จะใช้มันในการดูหนัง ฟังเพลง เล่นเกม ก็ให้ตัวเองไปเรียนรู้ทักษะใหม่ ๆ หรือทักษะเดิมในขั้นแอดวานซ์มากขึ้น ยกตัวอย่างเช่น ทักษะในโลกออนไลน์ที่เป็นที่ต้องการของตลาด เช่น Digital Marketing, Programming, Computer Science, Creator, Video Editing, Photography, Video Animation (หรือแม้กระทั่งการทำ Digital Art NFT บนเทคโนโลยี Blockchain ซึ่งทักษะเหล่านี้เคยเป็นของศิลปินไส้แห้งมาก่อน แต่พอการมาของยุคอินเตอร์เน็ตกลับเป็นที่ต้องการในตลาดเป็นอย่างมาก)

แถมทักษะหลายต่อหลายอย่าง เราสามารถหาเรียนในตาม Google ไม่ก็ Youtube หรือกลุ่ม Facebook หรือคอร์สเรียนออนไลน์ต่าง ๆ ที่เราสามารถเรียนรู้ได้จากที่บ้านได้ในทันที ที่ไม่ต้องรอให้เรียนจบจากสถาบันการศึกษาที่เรียนกันเป็นปี

และนี่ก็คือ 4 อุปนิสัยการเงินที่ทำแล้วรวย โดย Kevin O’Leary

Resources