Blue O'Clock

สตูดิโอผลิตและพัฒนาสื่อการเรียนรู้ด้านการลงทุน ธุรกิจ จิตวิทยาและการพัฒนาตนเอง อย่างไม่มีที่สิ้นสุด

How to

อยากมีอิสรภาพทางการเงินต้องคิดแบบเศรษฐี by Brian Tracy | Blue O’Clock Podcast EP. 26

Brian Tracy นักธุรกิจ นักพูด นักเขียนชื่อดัง เจ้าของผลงานเขียนหนังสือ พ่อไม่รวยก็รวยได้ : The 21 Success Secrets of Self-Made Millionaires ได้ให้คำแนะนำว่า

หลายคนมีความฝันอยากจะเป็นเศรษฐีเงินล้าน อยากเป็น Millionaire ซึ่งตัวของ Brian Tracy นั้นก็เคยคิดแบบนั้นเช่นกัน ก่อนที่เขาจะกลายเป็น Millionaire โดย Brian บอกว่าถ้าหากคุณอยากเป็นเศรษฐีเงินล้าน คุณก็จะต้องมีวิธีคิดแบบเศรษฐีเงินล้าน

และโดยเฉพาะหากอยากมีอิสรภาพทางการเงินแบบเศรษฐีเงินล้าน ก็ต้องคิดเรื่องการเงินแบบพวกเขาด้วยเช่นเดียวกัน

โดย Brian บอกว่า สิ่งสำคัญในการที่จะมีอิสรภาพทางการเงินได้นั้น คือการคิดแบบ Long Term Thinking คือการคิดแบบระยะยาว

โดยเหล่าบรรดาเศรษฐีเงินล้านนั้น พวกเขามักคิดการณ์ไกล และในระหว่างที่พวกเขากำลังเดินทางไปสู่เป้าหมายนั้น พวกเขาก็จะพยายามปรับปรุงการกระทำ ปรับปรุงพฤติกรรมต่าง ๆ ให้สอดคล้องกับเป้าหมายในระยะยาวนั้นให้มันดีขึ้นเรื่อย ๆ ในทุก ๆ วัน

โดยมีผลวิจัยจากมหาวิทยาลัยชื่อดังอย่าง Harvard ว่า ไม่ว่าคน ๆ นั้นจะเกิดมารวยหรือจน จะมีคอนเนคชั่นเยอะหรือน้อย แต่สิ่งที่คนที่ประสบความสำเร็จทั้งทางด้านการงานและการเงินมีเหมือนกันก็คือเรื่องของ

‘Time Perspective’ คือ กรอบเวลาที่คน ๆ นั้นคิดและวางแผนเกี่ยวกับชีวิต

โดยความหมายก็คือ การที่คน ๆ หนึ่งนั้น มีเวลาในการวางแผนในอนาคตของชีวิตตนเองในระยะยาว โดยที่มีการกำหนดกิจวัตรประจำวันในแต่ละวัน ที่เมื่อได้ลงมือทำสิ่งนั้น จะทำให้เข้าใกล้สู่เป้าหมายในอนาคตในทุก ๆ วัน

พวกเขาจะทำแบบนี้อย่างต่อเนื่อง ซึ่งแม้ว่าระบบเศรษฐกิจในวันข้างหน้าจะเปลี่ยนไปอย่างไรก็ตาม แต่พวกเขาก็จะสามารถตัดสินใจในเรื่องสำคัญ ๆ ได้เป็นอย่างดี และพวกเขาจะพยายามปรับปรุง พัฒนาตนเองให้ดียิ่งขึ้น และปรับให้เหมาะสมกับสถานการณ์ขณะนั้นได้

และพวกเขาจะพัฒนาปรับปรุงตนเองไปตลอดช่วงชีวิตที่เหลืออยู่ ไม่ใช่แค่ทำประเดี๋ยวประด๋าว

เมื่อไหร่ก็ตามที่คุณใช้เวลาหลายสัปดาห์ หลายเดือน หรือหลายปี ในการพัฒนาทักษะ พัฒนาความสามารถ และสั่งสมเพิ่มพูนประสบการณ์ให้มากยิ่งขึ้น เพื่อให้ตนนั้นประสบความสำเร็จได้

เมื่อนั้นแหละ คือการที่คุณได้มี Long Time Perspective แล้ว

ยกตัวอย่างจากคนธรรมดา ๆ ทั่ว ๆ ไปที่สามารถถีบตัวเองให้ขึ้นมาเป็นระดับ Professional เป็นระดับมือโปรฯ ได้นั้น พวกเขาล้วนมี Long Time Perspective นั้น เช่น พวกเขาเหล่านั้น ยอมทุ่มเทเวลาในการศึกษาในมหาวิทยาลัยหลายปี จนจบ ป.ตรี ป.โท ป.เอก และใช้เวลาในการฝึกฝน ฝึกฝีมือในการทำงานอีกหลายต่อหลายปี และสามารถทำงานในตำแหน่งระดับสูง ในระดับสำคัญ ที่มีรายได้สูง ที่สามารถยกระดับฐานะความเป็นอยู่ในสังคมได้ดีกว่าค่าเฉลี่ยของคนทั่ว ๆ

คน ๆ นั้น อาจจะเป็น คุณหมอ ทนายความ พยาบาล ผู้จัดการ

ดังนั้น กิจกรรมต่าง ๆ ในวันนี้ จะเป็นตัวบ่งบอกว่า ในอนาคต คน ๆ นั้นจะมีบั้นปลายในชีวิตเป็นอย่างไรในระยะยาว จะเป็นคนที่มีอิสรภาพทางการเงิน หรือจะเป็นคนถังแตกในอนาคต

ซึ่งคนที่ถังแตกส่วนใหญ่นั้น พวกเขามักคิดใน Short Term ในระยะเวลาสั้น ๆ ลุ่มหลงไปกับความสุข สนุกสนานชั่วคราวในช่วงระยะเวลาสั้น ๆ

โดยนักเศรษฐศาสตร์มักจะนิยามคำจำกัดความของผู้คนประเภทนี้ว่า ‘Inability to delay gratification‘ คือ ไม่สามารถอดทนรอคอยได้

ยกตัวอย่างเช่น การใช้จ่ายเงิน พวกเขาก็จะจับจ่ายใช้สอยทุกอย่างที่ขวางหน้า ทุกบาททุกสตางค์ ที่พวกเขาอุตส่าห์ทำงานหาเงินมาได้

หรือต่อให้ไม่มีเงิน พวกเขาก็จะทำการขอยืมเงินทุกวิถีทางที่พวกเขาสามารถทำได้

ในขณะที่หากคน ๆ นั้น สามารถพัฒนาทักษะการคิดในระยะยาวได้นั้น จากเดิมที่ใช้จ่ายเพื่อความสุขในระยะสั้น ๆ ก็จะเปลี่ยนเป็น การอดออมเพื่อความสุขสบายในระยะยาวแทน

ดังนั้นสูตรสำเร็จของการมีอิสรภาพทางการเงินนั้น นั่นก็คือ ส่วนผสมของ Long Time Perspective กับ Delay Gratification

คือการมีกรอบความคิดการวางแผนการณ์ไกลในระยะยาว กับ ความสามารถในการยับยั้งชั่งใจเพื่อเสพย์สุขในระยะสั้นได้

โดยวิธีการฝึกและวิธีการคิดเพื่อการมี Financial Freedom หรือมีอิสรภาพทางการเงินนั้น

ข้อแรก – ให้ลองคิดดูว่า อนาคตทางการเงินของเราในอีก 5-10 ปีข้างหน้านี้ จะมีหน้าตาเป็นอย่างไร มีมูลค่าเท่าไหร่ มีจำนวนเงินเท่าไหร่ คุณต้องกำหนดให้ชัดเจนตั้งแต่วันนี้ บางคน อาจบอกว่า มี 1 ล้าน มี 10 ล้าน ก็ให้เขียนมันลงไปบนกระดาษ จากนั้นก็เขียนแผนการขึ้นมา แล้วลงมือทำตามแบบแผนที่เขียนเอาไว้ในทุก ๆ วัน

ข้อสอง – ก่อนที่คุณจะตัดสินใจซื้ออะไรสักอย่างในทันที ให้คุณเบรคแล้วลองคิดทบทวนถึงความจำเป็นในการซื้อสิ่งนั้น เลื่อนออกไปสัก 1 วัน 1 สัปดาห์ หรือ 1 เดือน แล้วลองพิจารณาดูใหม่ว่า สิ่ง ๆ นั้น มันจำเป็นที่จะต้องซื้อตอนนี้เลยหรือไม่ ซึ่งวิธีคิดแบบนี้จะช่วยเปลี่ยนวิธีการใช้เงินของคุณได้ในแทบจะทันทีทันใดเลยทีเดียว

ดังนั้น โดยสรุปก็คือ ให้คุณเขียนเป้าหมายในอีก 10-20 ปีข้างหน้า แล้วลงมือทำในวันนี้โดยการลงมือทำสิ่งต่าง ๆ นั้น จะต้องสอดคล้องกับเป้าหมายที่คุณตั้งเป้าเอาไว้ เพื่อให้ตัวของคุณเข้าใกล้เป้าหมายดังกล่าวในทุก ๆ วัน

และนี่ก็คือวิธีการคิดแบบ Millionaire เศรษฐีเงินล้าน ที่ทำให้พวกเขามี Financial Freedom มีอิสรภาพทางการเงินได้ในที่สุด

Resources