Blue O'Clock

สตูดิโอผลิตและพัฒนาสื่อการเรียนรู้ด้านการลงทุน ธุรกิจ จิตวิทยาและการพัฒนาตนเอง อย่างไม่มีที่สิ้นสุด

Economy

สหรัฐอเมริกากำลังเข้าสู่สภาวะเศรษฐกิจถดถอย by Sam Zell เจ้าพ่ออสังหาริมทรัพย์ | Blue O’Clock Podcast EP. 21

Sam Zell นักลงทุนผู้ที่ได้ฉายาว่า The King of Real Estate แห่งสหรัฐอเมริกา ได้ออกมาให้สัมภาษณ์บนช่อง Youtube ของ Bloomberg Markets and Finance เมื่อวันที่ 27 ตุลาคม 2022 เกี่ยวกับ macro economy ในปัจจุบัน

ที่ตัวของเขานั้นคิดว่า เศรษฐกิจในภาพใหญ่ของโลกนั้น อย่างแรกที่เขามั่นใจเป็นอย่างมากเลยก็คือ เขาจะรวยขึ้นอย่างแน่นอน

และอย่างต่อมาก็คือ เขาคิดว่าสหรัฐอเมริกากำลังเข้าสู่สภาวะ recession หรือสภาวะเศรษฐกิจถดถอย

ซึ่งสาเหตุที่เขาบอกแบบนั้นก็มาจากข้อมูลที่เกิดขึ้นจริง ถ้าเราสังเกตในช่วง 4 ปีล่าสุดที่ผ่านมา ก็จะพบว่า สหรัฐฯ มีหนี้เพิ่มขึ้นอยู่ราว ๆ $700-$800 Trillion dollars และรัฐบาลสหรัฐฯ ก็มีการพิมพ์เงินเพิ่มนับพันล้านดอลล่าร์ฯ ซึ่งทาง FED หรือทางธนาคารกลางสหรัฐฯ อาจจะมีมึนเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น

แต่ Sam บอกว่า การกระทำดังกล่าว มันมีราคาที่ต้องจ่ายอย่างแน่นอน

ส่วนการที่ทาง FED ได้ปรับดอกเบี้ยให้สูงขึ้น จากเดิมที่ต่ำเตี้ยเรี่ยดินอยู่ที่เกือบ 0% ซึ่งปลายปี 2022 อาจจะปรับสูงขึ้นถึง 4.5% ก็เป็นได้ แต่ Sam บอกว่า มันเป็นการแก้ไขปัญหาได้ในระยะสั้น ๆ เท่านั้น

แต่สิ่งที่ยังคงมีอยู่ไม่ไปไหนก็คือหนี้สินที่พะรุงพะรังก้อนเบ้อเริ่มเทิ่มที่สหรัฐฯ ก่อเอาไว้

ลองคิดดูเล่น ๆ ว่า จากเดิมที่ดอกเบี้ยเคยอยู่ที่ราว ๆ 2% จู่ ๆ ก็จะปรับขึ้นเป็น 4% หรือสองเท่าจากเดิม แล้วทางสหรัฐอเมริกา จะเอาเงินจากที่ไหนไปจ่ายเมื่อถึงเวลาที่ต้องจ่ายผลตอบแทน เพราะดอกเบี้ยต่ำยังย่ำแย่เลย

ซึ่งสภาวะที่เกิดขึ้นกับโลกของเรา ณ ตอนนี้ Sam Zell บอกว่า เรากำลังเผชิญกับวิกฤตในโลกของ Fiat Currency หรือสกุลเงินต่าง ๆ

ซึ่งอันที่จริงถ้าย้อนกลับไปในเหตุการณ์ Bretton Wood System ในปี 1944 ที่โลกพยายามสร้างระบบที่มั่นคงให้กับสกุลเงิน Fiat ด้วยการนำเงิน US dollar ไปผูกติดกับปริมาณทองคำสำรองคงคลัง ซึ่งเป็นยุคของ The Gold Standard ยุคของมาตรฐานทองคำ

จนกระทั่งในปี 1971 ที่ทางอดีตประธาธิบดีสหรัฐอเมริกานามว่า Richard Nixon ได้ยกเลิกการผูกติดค่าเงิน Us dollar กับทองคำสำรองคงคลัง ที่ความหมายโดยสรุปก็คือ จากเดิมที่สหรัฐอเมริกาทำการสัญญาว่า จะพิมพ์เงิน US dollar เท่ากับปริมาณทองคำสำรองคงคลัง

แต่พอยกเลิกมาตรฐานดังกล่าว ความหมายของมันก็คือ สหรัฐอเมริกาก็บอกตรง ๆ เลยว่า ต่อแต่นี้ อเมริกาจะพิมพ์เงิน US dollar ออกมาเท่าไหร่ก็ได้ โดยไม่ผูกติดกับปริมาณทองคำสำรองคงคลังอีกต่อไป และขอให้เชื่อใจเรา (ก็ทั้ง ๆ ที่พึ่งผิดสัญญาที่เคยตกลงกับนานาชาติกันเอาไว้เมื่อตอนเหตุการณ์ Bretton Wood System นี่จะให้เชื่อได้ลงคอกันหรือเนี่ย)

และพอมาถึงยุคโควิด ในช่วง 2 ปีกว่า ๆ ที่ผ่านมา ก็ยิ่งเละกว่าเก่า จากเดิมที่ค่อย ๆ พิมพ์เงินออกมา เพื่อรักษาระดับเศรษฐกิจให้เกิดสเถียรภาพ ก็กลับพิมพ์เงินออกมาอย่างมหาศาล จนเกิดปัญหาใหม่ ภาระใหม่ที่น่าสยดสยองขึ้นมา และมันมีราคาที่ต้องจ่ายจากการกระทำดังกล่าว

ซึ่งหนึ่งในนั้นก็คือเรื่องของ Inflation หรือค่าเงินเฟ้อที่พุ่งสูงขึ้นอย่างบ้าคลั่ง

โดยหลายคนในรุ่นนี้ อาจจะลืมเรื่องราวของ Paul Volcker อดีตประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ ไปแล้ว แต่ตัวของ Sam นั้นเขาบอกว่า เขามีอายุมากพอที่ได้เห็นเหตุการณ์ ในปี 1981 ตอนที่ Paul Volcker คุมบังเหียนอยู่นั้น อัตราดอกเบี้ยของสหรัฐฯ พุ่งสูงขึ้นกว่า 21.5%

และมันสุ่มเสี่ยงที่อาจจะมีอัตราเงินเฟ้อสูงขึ้นเป็นสองหลักก็เป็นได้ โดยในช่วงปี 1980-1981 นั้นมีค่า CPI สูงถึง 14.8%

และนั่นคือสาเหตุที่ทำให้เขาร่ำรวยมากขึ้น จากการที่มีอัตราค่าเงินเฟ้อที่สูงขึ้น พวกอสังหาริมทรัพย์ที่เขาถือครองอยู่ก็มีราคาสูงขึ้นด้วยเช่นกัน

ซึ่ง Sam Zell เขาบอกว่า การที่ FED ขึ้นอัตราดอกเบี้ยจาก 0% เป็น 2% หรือจาก 2% ไปเป็น 0% นั้น มันจะไม่ค่อยเห็นผลกระทบต่อเศรษฐกิจสักเท่าไหร่นัก แต่ถ้าเมื่อไหร่ก็ตามที่อัตราดอกเบี้ยเพิ่มขึ้นเป็น 4-5% แล้วนั้น จะเห็นผลกระทบต่อเศรษฐกิจอย่างชัดเจน

และจากที่ Sam Zell บอกก่อนหน้านี้ว่า โลกกำลังเกิดวิกฤตเกี่ยวกับสกุลเงิน ที่กำลังเกิดการเปลี่ยนแปลงสกุลเงินสำรองระหว่างประเทศ จากแต่เดิมประเทศต่าง ๆ เกือบทั้งหมด มักเก็บสกุลเงินสำรองคงคลังเอาไว้แ็นสกุลเงิน US dollar

แต่เมื่อเร็ว ๆ นี้ เราก็เห็นการเปลี่ยนแปลงในประเทศรัสเซีย กับประเทศจีนแล้วว่า พวกเขาเริ่มทำการค้าขายกันด้วยสกุลเงิน Ruble และ Yuan

หรืออย่างซาอุดิอาระเบียก็เริ่มพูดถึงการขายน้ำมันในสกุลเงิน Yuan

ซึ่งสิ่งที่จะตามมาหลังจากที่สหรัฐอเมริกาสูญเสียการเป็น Reserve Currency ของโลกแล้วนั้น นั่นก็คือ มันจะส่งผลกระทบต่อค่าครองชีพของประชาชนชาวอเมริกาสูงขึ้นทันที ความหมายก็คือค่า Inflation หรือค่าเงินเฟ้อจะขึ้นอย่างน้อยสุดไม่ต่ำกว่า 10% แน่ ๆ แต่นั่นคือจุดเริ่มต้นเท่านั้น

เพราะตอนนี้สิ่งที่สหรัฐอเมริกาได้เปรียบกว่าประเทศอื่น ๆ ทั่วโลกก็คือ พวกเขาเป็นประเทศเดียวที่สามารถพิมพ์แบงค์ US dollar ออกมาได้อย่างไม่มีจำกัด

ซึ่งลองคิดดูว่าถ้าหากทางฝั่งยุโรปหรือประเทศอื่น ๆ เริ่มค้าขายระหว่างประเทศโดยไม่ใช้สกุลเงิน US dollar ดูสิ ว่ามันจะเกิดอะไรขึ้น

ดังนั้น แม้ว่า Fiat currency จะย่ำแย่ เมื่อเทียบกับสินทรัพย์อื่น ๆ แต่ถ้าในโลกของสกุลเงิน เงิน US dollar ก็ยังคงแข็งแกร่งที่สุดอยู่

แต่นั่นก็คือสิ่งที่ Sam Zell เขากังวลมากที่สุดเกี่ยวกับสกุลเงิน US dollar ว่ามันจะยังคง Reserve Currency ของโลกที่แข็งแกร่งแบบนี้ไปได้นานแค่ไหน

ซึ่งเขาก็หวังว่าทาง FED จะแก้ไขในเรื่องของค่าเงินเฟ้อได้ (หวังว่าอ่านะ)

Resources