Blue O'Clock

สตูดิโอผลิตและพัฒนาสื่อการเรียนรู้ด้านการลงทุน ธุรกิจ จิตวิทยาและการพัฒนาตนเอง อย่างไม่มีที่สิ้นสุด

How to

VUCA 2.0 กลยุทธ์สำหรับผู้นำองค์กรในการฝ่าวิกฤตเพื่อก้าวทันโลกยุคใหม่ | Blue O’Clock x Beyond Training

คำว่า VUCA นั้น มีที่มาจากคำว่า “VUCA World” เป็นคำที่ทางกองทัพสหรัฐอเมริกา ได้เคยใช้เรียกสถานการณ์ในช่วงที่มีสงครามอัฟกานิสถานและอิรักในอดีตที่ผ่านมา ซึ่งต่อมาได้มีการนำคำนี้มาใช้ในแวดวงธุรกิจ สืบเนื่องมาจากการเปลี่ยนแปลงของสภาวะแวดล้อมเศรษฐกิจในปัจจุบันที่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว และนั่นจึงเป็นความท้าทายของผู้นำในองค์กรที่ต้องทำความเข้าใจและปรับตัวให้ทันกับการเปลี่ยนแปลง ไม่ว่าจะเป็นในด้านของการเมือง, เศรษฐกิจ, สังคม และสิ่งแวดล้อม ในปัจจุบัน

ซึ่งเดิมทีคำว่า VUCA จะเป็นการให้คำจำกัดความ ดังนี้ก็คือ

  • V- Volatility ความผันผวนสูง ยากจะคาดเดา เป็นสถานการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างฉับพลันไม่ทันตั้งตัว
  • U-Uncertainty มีความไม่แน่นอนสูง ขาดความชัดเจน
  • C-Complexity มีความซับซ้อนสูง มีปัจจัยมากมายที่ต้องนำมาพิจารณาประกอบการตัดสินใจ
  • A-Ambiguity มีความคลุมเครือไม่ชัดเจนสูง ยากจะคาดเดาผลลัพธ์ได้ ซึ่งเป็นการให้นิยามที่ตรงกับสถานะความเปลี่ยนแปลงของโลก ณ ปัจจุบัน อยู่พอสมควร 

แต่อย่างไรก็ตาม โลกยังคงหมุนและเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว เหล่าผู้นำองค์กรอาจจะไม่สามารถยึดหลักคำนิยามจาก VUCA ตัวเดิมได้อีกแล้ว ฉะนั้น คำนิยามจึงได้พัฒนาขึ้นตามการเปลี่ยนแปลงของโลกธุรกิจล่าสุด จนกลายมาเป็น VUCA 2.0 ที่จะมาช่วยให้ผู้นำองค์กรได้เรียนรู้เพื่อเติบโตอย่างมั่นคง

โดยในคอนเท้นต์นี้ทาง อาจารย์บี จาก Beyond Training จะมานำเสนอข้อมูลจากบทความ VUCA 2.0: A Strategy For Steady Leadership In An Unsteady World ที่เผยแพร่ลงในนิตยสารธุรกิจชื่อดังอย่าง Forbes ที่ได้บอกถึงความสำคัญของการเป็นผู้นำยุคใหม่ ที่ต้องศึกษาวิธีบริหารจัดการธุรกิจให้อัพเดตเท่าทันสถานการณ์ล่าสุด พร้อมให้ความหมายของคำนิยาม VUCA 2.0 ไว้อย่างน่าสนใจ ดังนี้ก็คือ

Vision : วิสัยทัศน์

ผู้นำธุรกิจในยุคปัจจุบัน หากต้องการที่จะเติบโตอย่างมั่นคง จะต้องมองข้ามความวุ่นวายโกลาหลที่เกิดขึ้น เพื่อให้มีวิสัยทัศน์ที่ชัดเจนสำหรับองค์กรตนเอง คุณต้องกำหนดทิศทางขององค์กร ได้แก่ ภารกิจ ค่านิยม และกลยุทธ์ ให้ได้ดีพอๆ กัน เพื่อสร้างความยั่งยืน แม้จะต้องเผชิญกับภาวะความไม่แน่นอนของโลกธุรกิจ

Understanding : ความเข้าใจ 

นอกจากการมีวิสัยทัศน์ที่ชัดเจน ผู้นำจำเป็นต้องมีความเข้าใจในเชิงลึกเกี่ยวกับความสามารถและกลยุทธ์ขององค์กร เพื่อใช้ประโยชน์จากสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว พยายามมองหาสิ่งที่เป็นจุดแข็งขององค์กร เพื่อกลบจุดอ่อนที่เกิดขึ้นให้ได้มากที่สุด โดยอาจจะใช้วิธี การเปิดกว้างเพื่อรับฟังความเห็นที่แตกต่าง เพื่อสร้างโอกาสในการพัฒนาองค์กรไปให้ไกลที่สุด เพราะหากเลือกฟังเฉพาะแหล่งข้อมูลหรือความคิดเห็น ที่เป็นการส่งเสริมแต่ความคิดเห็นของตนเองนั้น มีความเสี่ยงสูงที่จะพลาดโอกาสพัฒนาองค์กรจากมุมมองที่แตกต่างของผู้อื่น

Courage : กล้าหาญ 

“ ต้องกล้ามากกว่าที่เคย ” ผู้นำต้องมีความกล้าหาญในด้านการตัดสินใจและพร้อมก้าวไปสู่ความท้าทายใหม่ ๆ ซึ่งในปัจจุบันธุรกิจส่วนใหญ่มักแข่งขันกันด้วยความแปลกใหม่สอดรับกับยุคสมัย ผู้นำยุคใหม่ไม่สามารถที่จะก้มหน้าก้มตาใช้เทคนิคการจัดการแบบเดิม ๆ ได้อีกแล้ว เพราะในความเป็นจริง ความเสี่ยงที่ยิ่งใหญ่ที่สุด คือการไม่กล้าเดินหน้าหรือกล้าเสี่ยงที่จะเปลี่ยนแปลง เนื่องจากในยุคสมัยนี้ เป็นยุคของคนกล้า ไม่ใช่คนถ่อมตัวหรือขี้กลัวอีกต่อไป

Adaptability : การปรับตัว 

คุณสมบัติของผู้นำยุคใหม่ที่จะช่วยให้คุณเติบโตก้าวแซงผู้อื่นในยุคแห่งการเปลี่ยนแปลงนี้ คือ การปรับตัว ผู้นำองค์กร ต้องมีความยืดหยุ่นในการปรับตัวให้เข้ากับสภาพแวดล้อมที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วนี้ การวางแผนระยะยาว อาจจะใช้ไม่ได้ผลมากนัก ในยุคสมัยนี้ เพราะต้องใช้กลยุทธ์ที่ยืดหยุ่น เพื่อการปรับตัวเข้ากับสถานการณ์ภายนอกที่เปลี่ยนแปลงไปตลอดเวลา รวมถึงการวางแผนฉุกเฉินไว้หลาย ๆ แผน พร้อมไปกับการรักษางบดุลให้แข็งแรงไว้เสมอ เพื่อรับมือกับเหตุการณ์ที่ไม่คาดฝัน

และในยุคที่มีความผันผวนที่เกิดจากปัจจัยภายนอกนั้นจะมีเยอะแยะมากมายเต็มไปหมด ผู้นำองค์กรจะต้องมีโฟกัส จดจ่ออยู่กับภารกิจและค่านิยมของบริษัท ไม่หวั่นไหวต่อปัจจัยภายนอก และกล้าที่จะปรับใช้กลยุทธ์ในรูปแบบใหม่ ๆ ที่ไม่เคยใช้มาก่อน เพื่อสร้างจุดแข็งให้กับองค์กรเพื่อพลิกกลับมาเป็นผู้ชนะ ส่วนผู้นำที่ไม่กล้าปรับเปลี่ยน ไม่ยอมปรับตัว ก็จะต้องกลายเป็นผู้แพ้ในที่สุด

และนี่ก็คือข้อมูลดี ๆ จาก อาจารย์บี Beyond Training แล้วพบกันใหม่ในเนื้อหาตอนต่อไปครับ

Resources