Blue O'Clock

สตูดิโอผลิตและพัฒนาสื่อการเรียนรู้ด้านการลงทุน ธุรกิจ จิตวิทยาและการพัฒนาตนเอง อย่างไม่มีที่สิ้นสุด

How to

จากแรงงานสู่เจ้าของกิจการ | ฮาวทูรวย by Naval Ravikant EP.7

การอ่านข้อความหรือตัวอักษรที่เกี่ยวกับการสร้างตัวหรือการทำธุรกิจบนโลกอินเตอร์เน็ตนั้น ดูจะเป็นนามธรรมซะเป็นส่วนใหญ่ มันไม่ค่อยเห็นภาพและตีความได้ค่อนข้างยาก ดังนั้นเนื้อหาในตอนนี้ทาง Naval Ravikant จึงได้พยายามยกตัวอย่างเพื่อให้เห็นภาพการก่อร่างสร้างตัวโดยเริ่มต้นจากรากหญ้าสู่การเป็นเจ้าของกิจการได้ด้วยตนเองว่ามีขั้นตอนอย่างไรบ้าง

Level 0 – Labor กรรมกร

โดย Naval เขาได้ยกตัวอย่างจากในอุตสาหกรรมเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์ โดยสมมติว่าหากคุณเริ่มต้นจากการเข้าสู่วงการด้วยการเป็นกรรมกร ที่เข้ามาซ่อมแซมบ้านเรือนให้กับคนอื่น คุณก็อาจจะได้รับคำสั่งในทำนองว่า ฉาบปูนตรงนั้น ยกอิฐตรงนี้ ตอกตะปูตรงนั้น ที่มักจะเป็นงานเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่ต้องอาศัยแรงงานในการทำไปเรื่อย ๆ และแม้ว่าคุณจะมีทักษะในการใช้เลื่อยไฟฟ้าตัดไม้อยู่บ้าง แต่นั่นมันก็เป็นทักษะพื้น ๆ ที่นายจ้างก็พร้อมที่จะหาคนใหม่มาแทนที่คุณได้อย่างไม่ยากเย็นอะไร ดังนั้นค่าจ้างในตำแหน่งกรรมกรนั้นจึงได้ค่าตอบแทนที่น้อยนิด แม้ว่าคุณจะมีทักษะการใช้เครื่องมือบางอย่างได้ดีกว่าคนอื่น ๆ อยู่บ้างก็ตามที เช่น คุณอาจขับรถแบคโฮเพื่อขุดดินได้ มันก็จะดีขึ้นกว่าหน่อยกว่าคนที่ขับไม่เป็นแล้วต้องใช้มือขุดเท่านั้นเอง

Level 1 – Contractor ผู้รับเหมา

สเต็ปต่อมาคุณเลื่อนขั้นมาอีกหน่อย ในฐานะผู้รับเหมาก่อสร้าง โดยจากเดิมที่คุณจะต้องลงมือทำเองทุกสิ่งอย่าง แต่ในขั้นนี้คุณมีความรู้พื้นฐานเกี่ยวกับการซ่อมแซมและต่อเติมบ้านมาพอสมควร และคุณก็เริ่มมี contract กับช่างฝีมือดี ร้านขายวัสดุก่อสร้างราคาพิเศษสำหรับผู้รับเหมา ส่วนตัวคุณเองก็รู้ราคาต้นทุนค่าแรงที่จะต้องจ่ายค่าช่างกับต้นทุนจากวัสดุก่อสร้างเป็นอย่างดี และเมื่อคำนวณมาแล้วก็พบว่า คุณจะได้กำไรจากโครงการรับเหมาดังกล่าวราว ๆ 30% แต่สิ่งที่จะเพิ่มขึ้นมาในสเต็ปนี้ก็คือ ความรับผิดชอบจะสูงเพิ่มมากขึ้น คุณจะต้องคอยดูแลและควบคุมหน้างานให้เป็นไปตามที่ตกลงกับทางลูกค้าเอาไว้ให้ได้ เพราะไม่เช่นนั้นแล้ว งานอาจไม่ตรงกับความต้องการของลูกค้า เกิดการแก้งาน เกิดค่าใช้จ่ายบานปลาย ส่งงานไม่ตรงตามกำหนด เกิดความไม่พอใจ จนลูกค้าบอกปากต่อปากจนคุณเสียชื่อเสียงและไม่มีงานเข้ามาในอนาคตได้ และถ้าเป็นโครงการที่ใหญ่ขึ้น ก็อาจจะมีการฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายในภายหลังตามมาเพิ่มเติมได้อีก

ดังนั้นจะเห็นได้ว่า ในสเต็ปนี้แม้จะมีโอกาสใช้พลังทวีจากคนอื่น แต่มันก็มาพร้อมกับความเสี่ยงในการควบคุมพลังทวีที่มาจากแรงงานให้อยู่หมัด ถ้ากำไรก็ดีไป แต่ถ้าขาดทุนคุณก็ต้องรับมันเอาไว้ เพราะยังไงตัวคุณก็ต้องหาเงินมาจ่ายค่าจ้างแรงงานและค่าวัสดุอยู่ดี

Level 2 – Property Developer นักพัฒนาอสังหาริมทรัพย์

ทีนี้ลองขยับสเต็ปขึ้นไปอีกขั้น เลื่อนไปเป็นตำแหน่งนักพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งก่อนที่คุณจะเลื่อนมาสเต็ปนี้ คุณก็ได้ผ่านประสบการณ์ในการรับเหมาก่อสร้างมาพอสมควรและผ่านการทำโครงการที่ผ่านมาได้เป็นอย่างดีแล้ว ทีนี้คุณก็มีแนวความคิดว่ามันน่าจะถึงเวลาที่จะต้องทำธุรกิจอะไรสักอย่างเป็นของตัวเองขึ้นมาบ้าง คุณจึงเริ่มค้นหาทำเลเหมาะ ๆ เพื่อที่จะขึ้นโครงการใหม่สักโครงการ โดยคุณอาจจะเริ่มต้นจากการวางเงินดาวน์ที่ดินแห่งนั้น แล้วเริ่มระดมทุนจากนายทุนที่สนใจลงเงินกับคุณ แล้วหลังจากนั้นคุณก็สามารถสร้างโครงการเสร็จแล้วสามารถขายเพื่อทำกำไรออกไปได้กำไรเป็นสองเท่าจากเงินทุนเริ่มต้น

แต่การที่จะมาสเต็ปนี้ คุณก็สังเกตได้ว่า มันมาพร้อมกับความรับผิดชอบและความเสี่ยงที่สูงขึ้น และคุณจำเป็นที่จะต้องมีความรู้เฉพาะทางเป็นอย่างมาก เช่น การรู้ว่าทำเลย่านไหนเหมาะหรือไม่เหมาะแก่การทำโครงการดังกล่าวขึ้นมา นอกจากนั้นคุณจำเป็นที่จะต้องจินตนาการและนึกภาพเมื่อตอนที่มันสร้างเสร็จแล้วว่าน่าหน้าตามันจะเป็นอย่างไร แม้ว่าภาพตรงหน้าปัจจุบันดังกล่าวจะดูโทรม ๆ ก็ตามที

และการมาถึงสเต็ปนี้คุณก็ได้ใช้พลังทวีจาก capital หรือเงินทุน ที่มีเงินก้อนโตมากองไว้ตรงหน้าที่คุณสามารถนำไปใช้ซื้ออสังหาฯ ทำเลแจ่ม ๆ สักผืน ในราคาสัก 2 ล้าน แล้วสามารถสร้างโครงการอาจเป็นคฤหาสถ์หลังงามที่สามารถขายออกไปได้สัก 10 ล้าน

Level 3 – Trust Manager ผู้จัดการกองทรัสต์

ต่อมาขึ้นมาอีกสเต็ป ในเลเวลนี้คุณอาจจะเป็นสถาปนิกชื่อดังหรือนักพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ ที่สามารถปั้นโครงการเพื่อขายได้ในราคาดี ๆ มาหลายแห่งแล้ว ทีนี้คุณก็เริ่มมองหาวิธีการที่ไม่ใช่แค่เพียงหามาแล้วก็ขายออกไปอยู่เรื่อย ซึ่งสเต็ปที่เหนือกว่านั้นก็คือ คุณไม่อยากที่จะต้องวุ่นวายกับการควบคุมแรงงาน ควบคุมคนจำนวนมาก ที่มาช่วยในการก่อสร้าง คือคุณไม่อยากยุ่งเกี่ยวกับพลังทวีจากแรงงาน แต่คุณอยากโฟกัสที่การใช้พลังทวีจากเงินทุนเพียงอย่างเดียวแบบเน้น ๆ คุณก็อาจจะเริ่มต้นธุรกิจที่เกี่ยวกับ REIT : Real Estate Investment Trust คือ ทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ หรือที่เรียกสั้นๆ ว่า ‘กองรีท’

โดยในสเต็ปนี้คุณจะต้องมีความรู้ที่เฉพาะทางอย่างมาก โดยเฉพาะในด้านการจัดการเงินทุน การเงิน วัฏจักรของอสังหาริมทรัพย์ รวมไปถึงกฎหมายและข้อบังคับกำกับต่าง ๆ เกี่ยวกับการทำเดินเงินในด้าน Trust โดยคุณอาจจะเป็นผู้จัดการกองทรัสต์จัดตั้งกองรีทเพื่อเสนอขายกองทรัสต์เหล่านี้ให้แก่เหล่าบรรดานักลงทุนต่าง ๆ เพื่อนำเงินทุนเหล่านี้ไปลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ที่มีศักยภาพ โดยรายได้หลักของกองรีทนี้ก็จะมาจากค่าเช่าในอสังหาฯ ที่ไปลงทุน แล้วนำกำไรมาปันผลแจกจ่ายแก่นักลงทุน

Level 4 – Tech Startup สตาร์ทอัพเทคโนโลยี

และอีกสเต็ปที่เหนือขึ้นไปอีกขั้นเพื่อที่คุณต้องการจะใช้พลังทวีแบบขั้นสุดก็คือ คุณจำเป็นที่จะต้องมีความรู้ความเชี่ยวชาญในอุตสาหกรรมนั้น ๆ แบบขั้นสุดด้วยเช่นกัน ตั้งแต่พื้นฐานในการก่อสร้างจากพื้นที่รกร้างว่างเปล่าสู่การสร้างที่อยู่อาศัยจากขนาดเล็กไปขนาดใหญ่ จนสามารถขายเพื่อทำกำไรได้จริง แล้วคุณก็รู้จักวัฏจักรในแวดวงอุตสาหกรรมเป็นอย่างดี รู้ว่าช่วงไหนซบเซาช่วงไหนตลาดกำลังเติบโต

และเพิ่มเติมคือ คุณรู้จักเทคโนโลยีที่จะนำมาใช้ในการทำธุรกิจ คุณสามารถเขียนโค้ดเขียนโปรแกรมได้ คุณรู้จักการหา developer หรือนักพัฒนาเก่ง ๆ เข้ามาร่วมทีมของคุณ คุณรู้จักการสร้างผลิตภัณฑ์จากซอร์ฟแวร์ และคุณก็รู้จักวิธีการหาเงินจากนายทุน และเมื่อดูจากความรู้ความเชี่ยวชาญเฉพาะทางทุกอย่างที่ว่ามานั้น ส่วนใหญ่ก็ต้องอาศัยมากกว่าหนึ่งคน คุณต้องมีทีมที่มีทักษะที่แตกต่างกันช่วยกันผลักดันให้ทั้งเรื่องของเทคโนโลยีและเรื่องของอสังหาริมทรัพย์ เดินหน้าไปพร้อม ๆ กันได้ และแน่นอนว่า มันมาพร้อมกับความรับผิดชอบและความเสี่ยงขั้นสุด ก็ดังประโยคที่ว่า High Risk High Return ซึ่งเมื่อคุณตัดสินใจที่จะใช้พลังทวีขั้นสุดในทุก ๆ ด้าน ไม่ว่าจะเป็น การใช้พลังทวีจากการเขียนโค้ดโปรแกรม, พวังทวีจากเงินของนักลงทุน และพลังทวีจากแรงงานคุณภาพสูง ไม่ว่าจะเป็น สุดยอดวิศวกร สุดยอดสถาปนิก สุดยอดนักขาย สุดยอดนักการตลาด เข้ามาร่วมทีม และเมื่อคุณสามารถทำทั้งหมดที่ว่านั้นได้ บริษัทคุณก็อาจเติบโตเป็นบริษัทระดับพันล้าน หมื่นล้านได้

คุณจะสังเกตได้ว่า การที่คุณจะเติบโตขั้นสุดในอุตสาหกรรมที่คุณอยู่ได้นั้น มันคือการสั่งสมในทุก ๆ ด้านมากขึ้นเรื่อย ๆ ไม่ว่าจะเป็น การสั่งสมความรู้ สั่งสมประสบการณ์ สั่งสมชื่อเสียง สั่งสมเงินทุน สั่งสมคอนเนคชั่น สั่งสมทีมงานระดับคุณภาพสูง ซึ่งสเต็ปทั้งหมดที่ว่ามานั้น ก็มีหลายต่อหลายคนที่เริ่มต้นจากการเป็นชนชั้นแรงงานในวันแรก สู่การเป็นเจ้าของกิจการที่กลายเป็นบริษัทมหาชนที่ใหญ่โต ที่พวกเขาได้สั่งสมในทุก ๆ ด้าน และใช้การพัฒนาอย่างต่อเนื่องเป็นเวลาหลายต่อหลายปี

และนี่ก็คือตัวอย่างของการเติบโตจากแรงงานสู่การเป็นเจ้าของกิจการที่ร่ำรวย ที่ถ่ายถอดจาก Naval Ravikant นักลงทุนและผู้ประกอบการชาวอินเดีย-อเมริกัน ที่มีทรัพย์สินอยู่ที่ราว ๆ $69 ล้านดอลล่าร์ฯ หรือประมาณ 2,300 ล้านบาท ที่มาจากประสบการณ์การลงทุนของเขา

Resources