Blue O'Clock

สตูดิโอผลิตและพัฒนาสื่อการเรียนรู้ด้านการลงทุน ธุรกิจ จิตวิทยาและการพัฒนาตนเอง อย่างไม่มีที่สิ้นสุด

How to

Leverage พลังทวี | ฮาวทูรวย | How To Get Rich by Naval Ravikant EP.6

Archimedes นักคณิตศาสตร์ที่ยิ่งใหญ่เคยกล่าวเอาไว้ว่า “Give me a lever long enough and a fulcrum on which to place it, and I shall move the world.” หมายถึง “หากลองให้คานงัดกับเขาที่ยาวมากพอ พร้อมกับจุดศูนย์กลางในการวางคานงัดดังกล่าว เขาจะเคลื่อนย้ายโลกนี้ให้ดู”

โดย Naval Ravikant เคยเขียน Tweet บน Twitter ว่า การที่จะกำหนดอนาคตกำหนดโชคชะตาในการทำธุรกิจให้ประสบความสำเร็จได้นั้น จำเป็นที่จะต้องอาศัยพลังทวีหรือ Leverage รวมเข้าด้วยกันอยู่ 3 สิ่งก็คือ

  • People – ผู้คน
  • Capital – เงินทุน
  • Product – ผลิตภัณฑ์ที่ไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเมื่อมีการทำซ้ำ

ซึ่ง Naval บอกว่า เมื่อพูดถึงคานงัด หลายคนในวัยเด็กมักจะนึกถึงกระดานหกในสนามเด็กเล่น ที่แม้ว่าฝั่งที่คนตัวเล็กกว่าก็สามารถยกอีกฝั่งที่มีน้ำหนักเยอะกว่าได้อย่างสบาย ๆ โดยอาศัยคานงัดและจุดศูนย์กลางของกระดานหกนั้น

People Leverage – พลังทวีจากผู้คน

เริ่มต้นกันที่พลังทวี พลัง Leverage แบบยุคเก่า ยุคดั้งเดิมก็คือ Labor หรือแรงงานจากผู้คน ก็คือการที่เราใช้แรงงานจากคนอื่นมาช่วยทำงาน ยกตัวอย่างเช่น หากเราจะยกของขนาดใหญ่ด้วยตัวคนเดียวมันยาก ก็ให้เราหาแรงงานหลาย ๆ คนมาช่วยเคลื่อนย้ายของสิ่งนั้นก็จะทำได้ง่ายกว่า เคลื่อนย้ายไปได้ไกลกว่า และได้จำนวนของที่มากกว่าการที่เรายกด้วยตัวเราเพียงคนเดียว

แต่ในยุคสมัยใหม่ผู้คนในสังคมต่างตีค่าพลังทวี หรือพลัง Leverage ในรูปแบบของแรงงานนั้นไปไกลเกินกว่าที่ควรจะเป็น ยกตัวอย่างเช่น คุณพ่อคุณแม่หลาย ๆ ครอบครัว มักจะดีใจเมื่อลูกของตนได้เลื่อนตำแหน่งในระดับที่สูงขึ้น เพราะพวกเขาตีความว่า การเลื่อนขั้นที่สูงขึ้น ก็คือการมีผู้ใต้บังคับบัญชาที่มากขึ้น มีลูกน้องมากขึ้นภายใต้ตำแหน่งนั้น หรือในการทำธุรกิจ คนที่ไม่รู้ประสีประสา ก็มักจะตีความว่า ยิ่งบริษัทมีจำนวนพนักงานที่เยอะ ก็คือบริษัทที่ยิ่งใหญ่ บริษัทที่เจ๋งมาก ๆ แห่งหนึ่ง

แต่ Naval บอกว่า พลัง Leverage แบบนี้ เป็นพลังทวีที่เลวร้ายที่สุดในพลังทวีทั้งหมดที่มีอยู่ เพราะการจัดการกับคนจำนวนมากนั้น จัดการได้ยากมาก มันมีความวุ่นวายยุ่งเหยิงเยอะแยะเต็มไปหมด คุณจำเป็นที่จะต้องใช้ทักษะในการเป็นผู้นำขั้นสูงเพื่อควบคุมฝูงชนขนาดใหญ่ และมันมีความเสี่ยงมากหากเกิดความไม่ลงรอยกันระหว่างผู้นำและผู้ตาม มีโอกาสที่จะเกิดการประท้วงจากแรงงานได้ และกรณีที่เลวร้ายที่สุดก็คือ หากเกิดความขัดแย้งขั้นรุนแรงระหว่างผู้นำเพียงคนเดียวกับกองทัพแรงงาน อาณาจักรของคุณก็สามารถล่มสลายได้ในทันที

ดังนั้นคำแนะนำของ Naval ก็คือ คุณควรหลีกเลี่ยงการใช้พลังทวีจากแรงงานจำนวนมาก ให้ใช้จำนวนคนที่น้อยที่สุดที่เพียงพอต่อการดำเนินงานและทำงานร่วมกับคุณ แล้วให้หันไปใช้พลังทวีอื่นต่อไป

Capital Leverage – พลังทวีจากเงินทุน

ในโลกของเรานั้นเต็มไปด้วยเงินมากมายมหาศาล เพราะอย่างที่เรารู้ ๆ กันดีว่า รัฐบาลหลายประเทศนั้น สามารถปริ้นท์เงินได้อย่างไม่มีจำกัด ดังนั้นมันขึ้นอยู่กับว่า แต่ละคนมีทักษะและความสามารถในการคว้าเงินดังกล่าวเอาไว้อย่างไรได้บ้าง แต่มันก็มีความยากของมันอยู่เพราะคนที่ต้องการใช้พลังทวีจากเงินทุนนั้น จำเป็นที่จะต้องพัฒนาทักษะการจัดการกับเงินทุนดังกล่าวได้เป็นอย่างดี โดยเฉพาะในยุคสมัยใหม่ การมาของเทคโนโลยีที่มีการปรับเปลี่ยนรูปแบบธุรกิจไปอย่างรวดเร็ว

ดังนั้นหน้าที่หลักของตำแหน่ง CEO ในยุคปัจจุบันนั้น จริง ๆ แล้วพวกเขามีหน้าที่ในการบริหารเงิน เป็นผู้จัดการการเงินที่เก่งกาจ ตัวอย่างที่เห็นได้ง่ายก็คือ ก็จะคล้าย ๆ กับปู่ Warren Buffett ที่เน้นที่การจัดการและบริหารเงินทุนเป็นหลัก

แต่ลึก ๆ ในจิตใจของคนเรานั้น ก็มักมีความรู้สึกที่ไม่ค่อยดีกับคนที่ใช้พลังทวีจากเงินทุน เพราะดูเหมือนว่าคนที่ใช้พลังทวีประเภทนี้ เป็นพวกเอาเปรียบ เรียกได้ว่า มีเงินเยอะซะอย่างอย่าง จะทำอะไรก็ได้ แต่ก็ต้องยอมรับว่า คนอย่างปู่ Warren Buffett นั้น เขาก็จำเป็นที่จะต้องสั่งสมชื่อเสียง สั่งสมเครดิต และผ่านการพิสูจน์ตนเองมาเป็นอย่างมากที่กว่าจะมาถึงจุด ๆ นี้ จุดที่ใครต่อใครก็อยากเทเงินให้ปู่ช่วยบริหารให้มันงอกเงยขึ้นมา ซึ่งต้องรวมไปถึงตัวของปู่เองนั้น ก็ต้องใช้ชื่อตนแลกกับความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้น เพราะถ้าหากปู่เสียชื่อเสียง ก็จะไม่มีใครอยากให้เงินทุนปู่ไปบริหารอีกต่อไป มันมีหน้าที่ความรับผิดชอบและภาระอันยิ่งใหญ่ที่คน ๆ นั้นจำเป็นต้องแบกรับเอาไว้ หากเลือกที่จะใช้พลังทวีจากเงินทุน

เพราะการใช้พลังทวีจากเงินทุนนั้น สามารถแปรเปลี่ยนเป็นทรัพยากรอะไรก็ได้ที่ต้องการ ไม่ว่าจะเป็นแรงงานคน หรือทรัพยากรอื่น ๆ

Product Leverage – พลังทวีจากผลิตภัณฑ์

เป็นพลังทวีที่น่าสนใจที่สุดในบรรดาทั้งหมดที่กล่าวมา โดยเฉพาะ product ที่ไม่มีต้นทุนเพิ่มเมื่อมี User หรือผู้ใช้งานเพิ่มมากขึ้น เพราะการมาของโลกอินเตอร์เน็ตจึงทำให้เราสามารถใช้ประโยชน์จากพลังทวีนี้ได้ โดยที่ไม่จำเป็นที่จะต้องหาคนมาช่วยหรืออาศัยเงินทุนมหาศาล

ยกตัวอย่างเช่น การจัดรายการ Podcast ที่เขานั้นสามารถอัดเสียงได้ด้วยตัวคนเดียวแล้วก็อัพโหลดมันลงไปบนโลกอินเตอร์เน็ต ที่สามารถเข้าถึงผู้คนนับล้านคนได้โดยเกือบฟรี เสียค่าอินเตอร์เน็ตนิดหน่อย

แต่ในขณะที่โลกก่อนหน้าที่จะมีอินเตอร์เน็ตนั้น ถ้าเขาจะทำรายการวิทยุ ก็จะต้องไปสถานีวิทยุกระจายเสียง ที่หากทำเองก็มีต้นทุนมหาศาล หรือหากใช้สถานีวิทยุคนอื่นก็ต้องจ่ายเงินเพื่อไปขอใช้งาน หรือหากอยากใช้ฟรี ก็ต้องลุ้นเอาว่า เขาจะเอาออกรายการนั้นหรือไม่ และถ้าได้ออกรายการก็อาจเข้าถึงคนได้แค่หลักร้อยหลักพันคน ซึ่งถ้าโชคดีหน่อย เขาก็อาจได้ต่อยอดไปออกรายการทีวี ที่เขาถึงผู้คนได้เยอะขึ้น แต่ก็อาจโดนทางรายการทีวีจำกัดเวลา จำกัดคำสื่อสารที่สามารถออกอากาศได้ และอาจจะต้องบิดเบือนตัวตนที่แท้จริงของเราเอง เผลอ ๆ จะต้องจ่ายตังค์เพื่อไปออกรายการพวกเขาอีก เพราะมันเป็นพลังทวีของพวกเขา ไม่ใช่ของเรา

ในขณะที่โลกอินเตอร์เน็ตนั้น ขอแค่คุณมีเพียงสมาร์ทโฟน แท็ปเลต หรือคอมพิวเตอร์กับไมค์ถูก ๆ สักตัว บวกกับแพ็คเกจอินเตอร์เน็ตอีกนิดหน่อย คุณก็สามารถอัพโหลดแล้วเข้าถึงผู้คนนับล้านได้เลย

ซึ่งมหาเศรษฐีที่ใช้พลังทวีจากเงินทุนคนสุดท้ายก็น่าจะเป็นรุ่น Warren Buffett ส่วนในยุคอินเตอร์เน็ตเราก็จะมีเศรษฐีแบบใหม่ อย่างเช่น Youtuber ชื่อดังอย่าง PewDiePie ที่มีผู้ติดตามมากกว่า 100 ล้านคนทั่วโลก ที่เขามีทีมงานเพียงไม่กี่คนแต่มีฐานผู้ชมเยอะกว่าสถานีโทรทัศน์ที่ใหญ่ที่สุดในโลกซะอีก

และยังมีมหาเศรษฐีที่ใช้พลังทวีจากการเขียนโค้ดโปรแกรมต่าง ๆ บวกกับโลกอินเตอร์เน็ต อย่าง Bill Gates (Microsoft), Jeff Bezos (Amazon.com), Mark Zuckerberg (Facebook), Larry Page&Sergey Brin (Google), Steve Jobs (Apple) ซึ่งพวกเขาเหล่านี้ ใส่ input ขั้นต่ำลงไป แต่กลับได้ output ออกมาอย่างมหาศาล และพวกเขารู้จักการใช้พลังทวีทั้ง 3 สิ่งเข้าด้วยกัน นั่นก็คือ คน เงินทุน และผลิตภัณฑ์

โดยการใช้พลัง Leverage ในยุคปัจจุบัน ข้อดีอีกอย่างหนึ่งก็คือ คุณไม่จำเป็นที่จะต้องรอใคร ไม่จำเป็นที่จะต้องขออนุญาตใครมากเท่าแต่ก่อน ที่มีกฎเกณฑ์เยอะแยะมากมายเต็มไปหมดกระดิกตัวแทบไม่ได้ ยกตัวอย่างเช่น หากคุณจะทำวีดีโอขึ้นมาสักคลิปหนึ่ง แล้วจะเอาไปออกสถานีโทรทัศน์นั้น คุณก็จะต้องได้รับอนุญาตจากทางสถานีก่อนว่า เผยแพร่ได้ช่องของพวกเขาได้หรือไม่ หรือหนักกว่านั้นคือพวกเขาก็จะตีกรอบให้คุณเลยว่าทำเนื้อหาตามที่พวกเขากำหนดเอาไว้เท่านั้น ในขณะที่หากคุณเริ่มต้นทำวีดีโอลงบนโลกโซเชียล คุณก็สามารถถ่ายวีดีโอแล้วอัพโหลดลงบนโลกอินเตอร์เน็ตได้ทันที โดยที่ไม่ต้องขออนุญาตใคร จะมีข้อจำกัดอยู่บ้าง ก็ตรงที่แพลตฟอร์มที่คุณเข้าไปใช้งานนั้นพวกเขาก็มีกฎของพวกเขาอยู่ แต่ส่วนใหญ่ก็เป็นกฎโดยสามัญสำนึกพื้นฐานทั่ว ๆ ไป เช่น ไม่ใช่เนื้อหาความรุนแรง ไม่ใช่เนื้อหาที่ผิดกฎหมาย แต่พวกเขาก็ไม่ได้ห้ามให้คุณแสดงความเป็ตัวตนของตนเองออกมา

และนี่ก็คือ Leverage หรือพลังทวีที่เราสามารถใช้ในการสร้างความมั่งคั่งให้เราได้ แล้วพบกันใหม่ใน Episode ตอนต่อไปครับ

Resources